สารของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสำหรับวันแพร่ธรรมสากล 2016
วิทยุวาติกัน วันที่ 15 พฤษภาคม 2016/2559

           สารของปีศักดิ์สิทธิ์ (พิเศษ) แห่งเมตตาธรรม ซึ่งพระศาสนจักรกำลังฉลอง  ดุจแสงจ้าในวัน (อาทิตย์) แพร่ธรรมสากล 2016 เชิญชวนให้เราพิจารณาสังฆาณัติว่าด้วยภารกิจแพร่ธรรมของพระศาสนจักร “สู่นานาชาติ” (Ad Gentes ) ซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องเมตตาธรรม ทั้งด้านจิตใจและด้านร่างกาย.
            ในวัน (อาทิตย์) แพร่ธรรมสากล เราทุกคนได้รับเชิญให้ “ออกไป" เยี่ยงสาวกแห่งธรรมทูต  แต่ละคนถวายความสามารถ และความคิดสร้างสรรค์  ปรีชาญาณและประสบการณ์ เพื่อนำสารแห่งความอ่อนโยนของพระเจ้าและความเมตตาสงสาร  เพื่อครอบครัวมนุษย์ทั้งหมด. อาศัยอาณัติแห่งธรรมทูต  พระศาสนจักรใส่ใจผู้ที่ไม่รู้จักพระวรสาร เพราะพระศาสนจักรต้องการให้ทุกคนได้รับความรอด และมีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้า. พระศาสนจักร  "ได้รับมอบหมายให้ประกาศพระเมตตาของพระเจ้า  เป็นหัวใจที่เต้นเร่าของพระวรสาร" (พระสมณโองการ พระพักตร์แห่งพระเมตตา - Misericordiae Vultus, ข้อ 12) และจะประกาศความเมตตาในทุกมุมของโลก เข้าถึงทุกคน ทั้งคนหนุ่มสาวหรือผู้สูงวัย
    บุคคลใดที่มีเมตตาธรรม จะทำให้หัวใจของพระบิดามีความสุขลึกล้ำ; พระบิดาทรงเริ่มด้วยความรัก ทรงหันหาผู้อ่อนแอมากที่สุด เพราะความยิ่งใหญ่และอำนาจของพระองค์ถูกเปิดเผย เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับคนหนุ่มสาว คนชายขอบและคนถูกกดขี่ (เทียบ  ฉธบ 4:31; สดด 86:15; 103 : 8; 111: 4). พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่พระทัยดี  ใส่พระทัย และซื่อสัตย์ ที่ประทับใกล้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนยากจน  พระเยซูเจ้าทรงรับสภาพความเป็นจริงของมนุษย์ด้วยพระองค์เองอย่างอ่อนโยน   เยี่ยงบิดามารดา ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของบุตรของมนุษย์ (เทียบ ยรม 31:20).
เมื่อพูดถึงครรภ์มารดา   พระคัมภีร์ใช้คำที่หมายถึงความเมตตา  ซึ่งหมายถึงความรักของมารดาที่มีต่อบุตรของเธอ  ซึ่งเธอมักจะรักบุตรของเธอเสมอในทุกสถานการณ์ และไม่คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น  เพราะพวกเขาเป็นผลของครรภ์ของเธอ.  นอกจากนี้ ยังเป็นมุมมองที่จำเป็นของความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อลูก ๆ ของพระองค์. ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นและเป็นผู้ที่พระองค์ต้องการที่จะสร้างความรู้และให้ความรู้; เมื่อพระเจ้าเผชิญกับความอ่อนแอและความไม่ซื่อสัตย์ของมนุษย์  ความเมตตาสงสารจะเอาชนะดวงพระทัยของพระเจ้า (เทียบ “ใจของเราปั่นป่วนอยู่ภายใน ความเอ็นดูของเราก็คุกรุ่นขึ้น...เราจะไม่ลงอาญาตามที่เราโกรธจัด...เพราะเราเป็นพระเจ้า มิใช่มนุษย์ เราเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ในหมู่ท่าน เราจะไม่มาด้วยความโกรธ” ฮชย 11: 8). พระองค์ทรงเมตตาทุกคน. พระองค์ทรงรักทุกคน และความเมตตาของพระองค์ขยายไปถึงสิ่งมีชีวิตทั้งหมด (เทียบ สดด. 144: 8-9)
         ความเมตตาของพระเจ้าแสดงออกอย่างสมบูรณ์สูงส่งที่สุดด้วยพระวจนาตถ์.  พระเยซูเจ้า(พระวจนาตถ์)  ทรงเผยให้เห็นโฉมพระพักตร์ของพระบิดา ที่อุดมไปด้วยพระเมตตา; พระองค์  "ตรัสถึง [ความเมตตา] และอธิบายโดยใช้เรื่องอุปมา แต่เหนือสิ่งอื่นใด พระองค์ทรงรับสภาพมนุษย์และมีสภาพเป็นบุคคล” (พระสันตะปาปายอห์นปอลที่ 2 สมณสาส์น พระเมตตาของพระเจ้า-Dives in Misericordia ข้อ  2).  เมื่อเราต้อนรับและติดตามพระเยซูเจ้าด้วยพระวรสารและศีลศักดิ์สิทธิ์  เราจะมีเมตตาเหมือนพระบิดาเจ้า อาศัยความช่วยเหลือของพระจิตเจ้า  เราสามารถเรียนรู้ที่จะรักคนอื่น ขณะที่พระองค์ทรงรักเราและทำให้ชีวิตของเราเป็นของขวัญแบบให้เปล่า  ซึ่งเป็นเครื่องหมายถึงความดีของพระองค์ (เทียบสมณโองการ พระพักตร์แห่งพระเมตตา Misericordiae Vultus ข้อ 3)
             พระศาสนจักรอยู่ในท่ามกลางมนุษยชาติ ครั้งแรก เป็นชุมชนที่อาศัยพระเมตตาของพระเยซูคริสตเจ้า   : รู้สึกถึงพระเนตรที่จ้องมอง และรู้สึกว่า พระองค์ทรงเลือกพระศาสนจักรด้วยความรักเมตตา. อาศัยความรักนี้เอง พระศาสนจักรจึงค้นพบอาณัติ (อำนาจที่พระเจ้าทรงมอบให้) ของตน  ดำเนินชีวิตตามอาณัติ และทำให้ความรักพระเมตตาเป็นที่รู้จักสำหรับนานาชาติ  ผ่านการเสวนากับทุกวัฒนธรรมและทุกความเชื่อทางศาสนา
           ความรักเมตตานี้ เช่นเดียวกับสมัยแรกเริ่มของพระศาสนจักร  ถูกเป็นพยานต่อบุรุษสตรีของทุกอายุและทุกสภาพ. การปรากฏตัวของสตรีมากขึ้นในโลกธรรมทูต ทำงานเคียงข้างบรุษ  เป็นเครื่องหมายที่สำคัญของความรักเยี่ยงมารดาในโลกธรรมทูต. สตรีไม่ว่าจะเป็นสัตบุรุษและนักบวช  ปัจจุบัน หลายครอบครัว   ทำงานตามกระแสเรียกแห่งธรรมทูตของพวกเขาในรูปแบบต่างๆ: ตั้งแต่การประกาศพระวรสารจนถึงกิจเมตตาสงเคราะห์. พร้อมกับงานประกาศพระวรสารและทำงานธรรมทูตที่เป็นสิ่งคล้ายศีล แก่สตรีและครอบครัว.   เราพอจะเข้าใจปัญหาของผู้คน และรู้วิธีจัดการกับพวกเขาตามวิธีที่เหมาะสม และในบางครั้ง ในการดูแลชีวิตนั้น ต้องมุ่งเน้นคนมากกว่าโครงสร้าง และจัดการทรัพยากรมนุษย์และจิตวิญญาณไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี, ความกลมกลืน, สันติสุข, ความเป็นปึกแผ่น  ทั้งในหมู่ประชาชน และชีวิตด้านวัฒนธรรมและชีวิตสังคม  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ่านการดูแลคนยากจน
            ในสถานที่หลายแห่ง การประกาศพระวรสารเริ่มต้นด้วยการศึกษา    อุทิศเวลาและความพยายามในงานธรรมทูต เช่น คนงานในสวนองุ่นที่เมตตาของพระวรสาร (เทียบ ลก 13: 7-9; ยอห์น 15: 1), การรอคอยผลลัพธ์ด้วยความอดทนที่ใช้เวลาหลายปีในการปลูก; ในลักษณะนี้ พวกเขาเป็นเหตุให้สมาชิกใหม่ สามารถที่จะประกาศพระวรสาร  นำพระวรสารไปยังสถานที่ที่อาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ (ที่จะมีคนกลับใจ)
         เราอาจนิยามพระศาสนจักรว่าเป็น "มารดา" สำหรับผู้ที่จะมีความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้าสักวันหนึ่ง ดังนั้น ข้าพเจ้าหวังว่า ผู้ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า จะยังคงปฏิบัติกิจเมตตา ซึ่งช่วยคนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ให้พบปะพระเจ้าและรักพระเจ้า.
      ความเชื่อเป็นของขวัญของพระเจ้า และไม่ใช่ผลของการชักจูง แต่เจริญขึ้นเพราะความเชื่อและเมตตาธรรมของผู้ประกาศพระวรสาร ที่เป็นพยานถึงพระเยซู
คริสตเจ้า.  ขณะที่พวกเขาเดินทางผ่านเส้นทางต่างๆของโลก  สาวกของพระเยซูเจ้าต้องมีความรักโดยไม่จำกัด.  มาตรการเดียวกันของความรัก ที่พระเจ้าของเราทรงมีสำหรับทุกคน. เราประกาศของขวัญที่งดงามและยิ่งใหญ่ที่สุด ที่พระองค์ประทานชีวิตของพระองค์และความรักของพระองค์แก่เรา
               ผู้คนและวัฒนธรรมต่างๆมีสิทธิที่จะได้รับสารแห่งความรอด ซึ่งเป็นของขวัญจากพระเจ้าแก่ทุกคน. สิ่งนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นเมื่อเราพิจารณา     ความอยุติธรรม, สงคราม, และวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมมาก ที่ยังคงต้องมีการแก้ปัญหา.
              ธรรมทูตรู้จากประสบการณ์ที่พระวรสารแห่งการให้อภัยและความเมตตา ที่สามารถนำความสุขและการคืนดี ความยุติธรรมและสันติภาพมาให้.  อาณัติแห่งพระวรสารที่มอบแก่ธรรมทูตอย่างไม่หยุดหย่อน คือ "จงไปสั่งสอนนานาชาติ  ให้เป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขา เดชะพระนามพระบิดา พระบุตรและพระจิต  จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน”(มธ 28:19 -20); คำสั่งนี้ทำให้เรามุ่งมั่น พร้อมกับความท้าทายต่างๆในปัจจุบัน  เราได้ยินเสียงเรียกร้องให้ฟื้นฟูแรงกระตุ้นของธรรมทูต. ข้าพเจ้าขอเน้นสมณสาส์นเตือนใจ เรื่องความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร (Evangelii Gaudium)ที่ว่า "คริสตชนทุกคนและชุมชนทั้งหมดจะร่วมกันพิเคราะห์แยกแยะว่า หนทางใดที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้องเรา  อย่างไรก็ตาม เราทุกคนได้รับเชิยให้ยอมรับเสียงเรียกนี้  คือการออกจากความสะดวกสบายปลอดภัยของตนเอง และมีความกล้าหาญที่จะไปยังทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างแห่งพระวรสาร” (ข้อ 20)
                  ปีศักดิ์สิทธิ์ที่เน้นวันแพร่ธรรมสากลครบรอบปีที่ 90 ซึ่งพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 ทรงรับรองในปี 1926 และดำเนินการโดยสมาคมสันตะสำนักเพื่อการประกาศความเชื่อ.  เหมาะสมที่เราจะระลึกถึงคำแนะนำที่ชาญฉลาดของพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ ที่ทรงบัญชาให้รวบรวมเงินถวายทั้งหมดที่เก็บในทุก
สังฆมณฑล เขตวัด คณะนักบวช สมาคม และขบวนการของพระศาสนจักรทั่วโลก เพื่อนำมาดูแลชุมชนคริสตชน และเพื่อสนับสนุนการประกาศพระวรสารไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก.
           ปัจจุบันนี้ด้วย   เราเชื่อในเครื่องหมายแห่งเอกภาพพระศาสนจักรด้านงานธรรมทูตนี้. เราอย่าปิดหัวใจของเราไปกับความกังวล  แต่ขอให้เราเปิดหัวใจต่อมนุษยชาติทั้งหมด
                 ขอพระนางมารีย์ บุคคลอุดมคติที่ประเสริฐแห่งมนุษยชาติที่ได้รับการไถ่กู้ พระนางเป็นต้นแบบของธรรมทูตเพื่อพระศาสนจักร 
               โปรดสอนบุรุษสตรี และครอบครัว เพื่อส่งเสริมและปกป้องการปรากฎองค์ของพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ประทับอยู่อย่างเร้นลับในทุกแห่ง  พระองค์ทรงฟื้นฟูความสัมพันธ์ วัฒนธรรมและผู้คนในทุกแห่ง และทรงเติมเต็มทุกคนด้วยเมตตาธรรมที่ทำให้อยู่เย็นเป็นสุข

 จากวาติกัน 15 พฤษภาคม 2016,
วันสมโภชพระจิตเจ้า
(จากวิทยุวาติกัน)


http://www.news.va/en/news/pope-francis-message-for-world-mission-day-2016-fu