สันตะสำนักที่องค์การสหประชาติ: พลเรือนคือเหยื่อของอาวุธตามสนธิสัญญา
นครรัฐวาติกัน วันที่ 18 พฤศจิกายน 2014
ผู้สังเกตการณ์ถาวรประจำองค์การสหประชาชาติในนครเจนีวา กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีกับพหุภาคี เกี่ยวกับข้อห้ามและข้อสงวนเกี่ยวกับการใช้อาวุธตามสนธิสัญญาซึ่งเห็นว่าทำความเสียหายเกินไปหรือมีผลที่ขาดการพิจารณา (CCW) การประชุมจัดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014
พระคุณเจ้ากล่าวเป็นภาษาอังกฤษ 3 หัวข้อที่ควรนำมาพิจารณา.
หัวข้อแรก ท่านกล่าวถึงระบบอาวุธสังหารอัตโนมัติ. ท่านเน้นว่า เรื่องความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้เครื่องจักรแทนคนอย่างต่อเนื่อง แสดงว่าไม่เห็นความเป็นคนในสงคราม, เอาแต่คำนึงด้านวิทยาศาสตร์ ด้านกฎหมาย ด้านวัฒนธรรมด้านเศรษฐกิจ เราควรสนใจด้านจริยธรรมและมนุษยธรรม”- มากกว่าการเข้าถึงด้านทหารอย่างเดียว. ท่านเสริมว่า “เราขอย้ำถึงความปรารถนาดี ที่ว่าฟื้นฟูอาณัติตามหัวข้อนี้ เพราะมีความสำคัญในการรักษาเอกสารทางการ
หัวข้อที่ 2 ท่านพิจารณาหัวเรื่องการใช้ระเบิดในพื้นที่ประชากรอยู่หนาแน่น. “แนวโน้มของสงครามบริเวณชานเมือง ขณะที่มีการขยายตัวเมืองของประชากรโลก แนวโน้มของชานเมืองมีมากขึ้น. จะหาทางป้องกันประชากรที่เป็นพลเรือนอย่างไร. เราควรปกป้องเครื่องสาธารณูปโภคที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของชุมชนขนาดใหญ่ได้อย่างไร สิ่งที่แน่นอนจากข้อสังเกตและข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้. พลเรือนเป็นเหยื่อแรกของความขัดแย้งใช่ไหม. ในหลายกรณี ไม่มีการปกป้องพวกเขา ก่อให้เกิดผู้ลี้ภัย และคนที่ไร้ที่อยู่อาศัยหลายล้านคน. ส่วนใหญ่เป็นเหยื่อพลเรือน, จำนวนมากเป็นผู้หญิงและเด็ก มีการทำลายศูนย์ต่างๆที่ตั้งอยู่ตามชานเมือง องค์กรด้านสังคม ด้านวิชาการและการเมือง เป็นการย้ำให้เกลียดและแก้แค้น ซึ่งยากที่จะสร้างสันติภาพและการสร้างชาติขึ้นใหม่. ปัญหาที่สำคัญต่อรัฐภาคีทั้งหมดคือ CCW มีบางสิ่งที่จะพูดและทำในสถานการณ์เช่นนี้ไหม. โดยทำให้สนธิสัญญาน่าเชื่อถือและเคารพเหยื่อสงคราม. ขอให้เพิ่มปัญหานี้เป็นวาระสำหรับ CCW
ในที่สุด ท่านกล่าวถึงโดรน (Drone อากาศยานที่ควบคุมจากระยะไกล) “เราเป็นพยานถึงการค้ากำไรจากการขายเทคโนโลยีนี้ และใช้โดรนกันมากในเวลาที่เกิดความขัดแย้ง. เลือกที่จะไม่แยแสต่อความขัดแย้งที่ก่อให้เกิดการเผชิญหน้า.
สรุปว่า”มีเวลาสำหรับ CCW ที่จะสนใจโดรนก่อนที่จะกลายเป็นแหล่งเพิ่ความไม่ปลอดภัยเมื่อประชาคมระหว่างชาติต้องการความมั่นคงและสันติภาพมากกว่าแต่ก่อน