พระดำรัส 10 ประการที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเปลี่ยนแปลงโลก ระยะเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา
 (www.Popereport.com )
ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2013  ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ทรงรับตำแหน่งพระสันตะปาปา
ในวันนั้น ก่อนที่พระอัครสังฆราชแห่งบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา (ตำแหน่งเดิม)  จะทรงอวยพรประชากรของพระองค์  พระองค์ตรัสว่า  “พ่อขอให้ทุกคนวอนขอองค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อพระองค์จะทรงอวยพรพ่อ”
วันที่ 17 มีนาคม
หลังจากทรงสวดบททูตสวรรค์แจ้งข่าว ตอนเที่ยง  พระองค์ตรัสกับผู้เข้าเฝ้าเรือนหมื่นคนว่า “ ขอให้มีความสุขกับวันอาทิตย์ และขอให้อิ่มอร่อยกับอาหารมื้อกลางวันนี้นะลูกๆ”
16 มีนาคม
“พ่อปรารถนาจะให้พระศาสนจักรเป็นพระศาสนจักรที่ยากไร้และอยู่เพื่อคนยากไร้”
28 มีนาคม
“นี่คือสิ่งที่พ่อขอจากบรรดาพระสังฆราช คือ จงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่อยู่กับ “กลิ่นสาบของลูกแกะ”
27 มีนาคม
“จงดำเนินชีวิตสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ตามที่พระเยซูเจ้าทรงพระประสงค์ว่า เราต้องเรียนรู้ที่จะออกจากตัวเราเอง เพื่อไปพบปะกับผู้คน เพื่อไปหา “คนที่อยู่ชายขอบของสังคม”
25 มีนาคม
“ข้าพเจ้าปรารถนาจะยืนยันถึงบทบาทของพวกท่านในสังฆมณฑล,ข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกท่านออกจากพื้นที่ที่ให้ความสะดวกสบายของพวกท่าน ข้าพเจ้าปรารถนาให้พระศาสนจักรออกไปตามถนนหนทาง เพื่อพบปะผู้คน”
17 มีนาคม
“พระเจ้าทรงเข้าพระทัยเรา พระองค์ทรงรอคอยเรา. พระองค์ไม่ทรงเบื่อหน่ายที่จะประทานอภัยเรา   ถ้าเราสำนึกบาปและไปหาพระองค์ด้วยดวงใจที่เปิดกว้างอย่างแท้จริง”
7 กรกฎาคม
“อย่ากลัว อย่ากลัว องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระเจ้าแห่งความบรรเทาใจ พระเจ้าแห่งความอ่อนโยน”
11 พฤศจิกายน
“และเราต้องยอมรับว่าเราเป็นคนบาป  ใช่ ทุกคนที่นี่... เราทั้งหมดนั่นแหละ แต่อย่าหลอกตัวเองนะ”
4 ตุลาคม
“พ่อมักจะแนะนำคู่แต่งงานเสมอว่า
จงโต้เถียงกันเท่าที่พวกลูกต้องการ ถ้าจะขว้างจาน ก็ทำไปเลย  แต่ต้องจบด้วยสันติก่อนจบวันนะ...อย่าจบวันโดยยังไม่คืนดีกันเด็ดขาด”
+
TIMES-นิตยสารระดับโลกลงความเห็นให้พระองค์ทรงเป็น “บุคคลแห่งปี 2013”  เพราะทรงเป็นผู้ที่มีคนกล่าวขวัญถึงมากที่สุดในโลก. มิใช่คาทอลิกเท่านั้น แต่บุคคลทั่วโลกประทับใจในพระบุคลิกภาพและพระดำรัสของพระองค์ เช่นตรัสถึงคนรักเพศเดียวกันว่า “คนที่เป็นเกย์ก็ติดตามพระเจ้า พ่อเป็นใครถึงไปตัดสินเขาล่ะ” (abcNEWS.com)
    หลังจากที่พระองค์ทรงปรากฎองค์ต่อหน้าสาธารณชนในวันรับตำแหน่งพระสันตะปาปา  วันรุ่งขึ้น ก็เสด็จไปอาคารที่พักในวาติกันเพื่อจ่ายเงินตามใบเสร็จ แล้วเสด็จไปฉลองวันเกิดของเด็กๆ ..ต่อมา ทรงจุมพิตลูกของชาวอเมริกันที่มาเข้าเฝ้าพระองค์, โอกาสอื่นๆ ทรงถอดหมวกสีขาวให้นักศึกษาที่นำหมวกสีขาวของเขามาแลกกับหมวกของพระองค์
“พระองค์ทรงถือว่า พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่อ่อนโยน พระองค์จึงทรงสัมผัสคนที่เป็นโรคเท้าแสนปมที่มาเข้าเฝ้าพระองค์ที่ลานมหาจตุรัสนักบุญเปโตร  เหตุการณ์นี้ทำให้หัวใจของชาวโลกละลาย คือทรงชนะใจชาวโลกได้ทีเดียว  มีการแชร์ภาพใน CNN.com. อย่างมากมายเป็นประวัติการณ์. พระองค์ทรงจุมพิตเด็กพิการซับซ้อนเป็นเวลานาน พระองค์ทรงรักเด็กเล็กๆมาก. เราประหลาดใจที่เห็นพระองค์อยู่กับพวกเด็กๆอย่างมีความสุข ครอบครัวของเด็กต่างชื่นชมพระองค์ที่พระองค์ทรงหยุดพระดำเนินแล้วมาทักทายพวกเขาอย่างเป็นกันเอง ทำให้พวกเขาไม่ลืมช่วงเวลานั้นไปตลอดชีวิต. นอกจากนี้ ทรงถ่ายรูปกับผู้เข้าเฝ้าอย่างสนิทสนมเยี่ยงบิดา
        พระองค์ทรงดำเนินชีวิตเรียบง่าย ทรงใช้รถที่รับบริจาค ที่จอดที่อาคารที่พัก โดยไม่มีคนขับรถประจำตำแหน่ง
ผู้สื่อข่าว ซีเอนเอน (www.CNN.News) “ผมคิดว่า เราเห็นผู้นำทางศาสนาที่เข้าถึงคนยากไร้และคนขาดโอกาส แต่ในที่สุด เราก็เห็นบุคคลทางศาสนาเยี่ยงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ที่สวมกอดผู้คนเหล่านี้จริงๆ”  
“พระองค์ทรงสำรวจจิตใจของชาวคาทอลิกที่รับอิทธิพลจากโลก. พระองค์ทรงนำพวกเขาออกจากยุคการประชาสัมพันธ์ที่ไม่ดี อีกแง่หนึ่ง ทรงสร้างสีสรรค์ให้กับหลักความเชื่อคาทอลิกได้  กรณีนี้ทำให้บรรดาพระสังฆราชหัวอนุรักษ์นิยมถึงกับงุนงง”
          ขณะที่พระองค์ทรงล้างเท้าเยาวชนที่กระทำผิด และสตรีมุสลิม พระองค์ช่างสุภาพถ่อมองค์ยิ่งนัก. พระองค์ทรงชนะใจผู้คนด้วยแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ที่แสดงออกได้อย่างอบอุ่น”