กรอบงานด้านเศรษฐกิจใหม่สำหรับสันตะสำนัก
นครัฐวาติกัน 9 กรกฎาคม 2014 (VIS) –

           เช้านี้ สำนักข่าวสันตะสำนัก เสนอแผนเศรษฐกิจใหม่สำหรับสันตะสำนัก   โดยพระคาริดินัลยอร์จ เพลล์, โฆษก ซึ่งเป็นสมณมนตรีของสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ
          โยเซฟ เอฟ.เอกซ์. ซาฮราและยีน บัปติสต์ เดอ ฟรานโจเซฟ F .X. Zahra และฌาน บัปติส์ เดอ ฟรองซู (Jean-Baptiste de Franssu), รองผู้ประสานงานและสมาชิกของสภาเศรษฐกิจตามลำดับ และเอิร์นส์ฟอน (Ernst von   Freyberg ประธานของคณะอำนวยการของสถาบันสถาบันเพื่องานด้านศาสนา (IOR)
             พระคาร์ดินัลยอร์จ เพลล์ประกาศความคิดริเริ่มใหม่และสำคัญสำหรับการปรับปรุงการจัดการทางเศรษฐกิจและการบริหารงานของ
สันตะสำนักและนครรัฐวาติกัน.  เลขาธิการใหม่สำหรับเศรษฐกิจมีบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ด้วย ที่เป็นผลของการวิเคราะห์รายละเอียดของข้อสรุปและข้อเสนอแนะของสมณกระทรวงเพื่ออ้างถึงเกี่ยวกับองค์การของโครงสร้างทางเศรษฐกิจของสันตะสำนัก (Organisation of the Economic-Administrative Structure of the Holy See - COSEA),  และ ถือว่าในเวลาเดียวกัน เป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงและจุดอ่อนที่จะสร้างในอนาคต ซึ่งเป็นคำแถลงการณ์ใหม่สำหรับการปรับปรุงการจัดการทางเศรษฐกิจ. การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดที่ได้รับการอนุมัติในการประชุมล่าสุดของสมณกระทรวงเพื่อเศรษฐกิจ (5 กรกฎาคม) และสภาพระคาร์ดินัล (1-4 กรกฎาคม) และเป็นที่คาดหวังว่าจะได้รับอนุมัติจากสมเด็จพระสันตะปาปา
         การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับ APSA, กองทุนบำเหน็จบำนาญ, สื่อของวาติกันและสถาบันเพื่องานของศาสนา (IOR)
      สมณกระทรวงของสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ รู้สึกพอใจกับความจริงที่ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาทรงอนุมัติโครงการริเริ่มเหล่านี้ .พระคาร์ดินัลเพลล์และสภาเศรษฐกิจขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงสนับสนุนเป้าหมายและทรงมีส่วนร่วมอย่างไม่สั่นคลอน
           "มีความท้าทายมากมายที่จะเผชิญและงานมากที่จะทำคือ  "COSEA ได้ให้คำแนะนำว่า ปัญหาต่างๆที่ต้องเผชิญเป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น การถ่ายโอนหน่วยงานปกติของ APSA, กองทุนบำเหน็จบำนาญ, สื่อและ IOR. สมเด็จพระสันตะปาปาทรงระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะต้องทำอย่างรวดเร็ว "
            พระคาร์ดินัลประกาศต่อไปเกี่ยวกับการสร้างสำนักงานบริหารขนาดเล็ก (PMO),กำกับโดยแดนนี่ เคซี่ย์ ( Danny Casey ) อดีตผู้จัดการธุรกรรมของอัครสังฆมณฑลของซิดนีย์ ออสเตรเลีย ,ที่นำเสนอการเปลี่ยนแปลงบางส่วน,ที่เริ่มต้นด้วยการถ่ายโอนหน่วยงานปกติของ APSA ไปขึ้นกับสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจโดยตรง. ส่วน PMO จะรายงานโดยตรงต่อสมณมนตรีเพื่อเศรษฐกิจ.
              ในเดือนกันยายน 2014 สำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจจะเริ่มเตรียมงบประมาณสำหรับปี 2015. จุดมุ่งหมายคือเพื่อสมณะชั้นสูง และการบริการที่ดึงงบประมาณ ที่พวกเขาจะยึดถือตลอดทั้งปี. การใช้จ่าย (ภายในโครงสร้างที่ตกลงกันไว้) จะเป็นความรับผิดชอบของสมณะชั้นสูงและฝ่ายบริหารแต่ละท่าน.
        จากนั้นจะนำมาเปรียบเทียบกับงบประมาณที่ดำเนินการระหว่างปี  2015  กับการใช้จ่ายของสมณชั้นสูงเมื่อเกิดปัญหากรณีใช้จ่ายมากเกินไป.
            พระคาร์ดินัลเพลล์สรุป "เรามีความกระตือรือร้นที่จะติดตามงานนี้ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา" ต่อไปนี้เป็นข้อความที่คัดมาจากข้อเสนอสำหรับการเปลี่ยนแปลงในหน่วยงานต่างๆ, เริ่มต้นด้วยการบริหารงานของมรดกของสันตะสำนัก: หน่วยงานปกติของ APSA ถูกโอนไปยังสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ.  นี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะช่วยให้สำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจที่จะใช้ความรับผิดชอบควบคุมทางเศรษฐกิจและระมัดระวังตัวแทนของสันตะสำนักฐรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อและการจัดสรรทรัพยากรมนุษย์ที่เหมาะสมตามที่กำหนดไว้ในอัตตาณัติชื่อ “Fidelis Dispensator et Prudens” 
          พนักงานที่เหลืออยู่ของ APSA จะเริ่มมุ่งเน้นในบทบาทของการเป็นคลังการเงินโดยเฉพาะสำหรับสันตะสำนักและนครรัฐวาติกัน.
           จะดำเนินงานแรกที่สำคัญ คือการสร้างความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทุกธนาคารกลางที่สำคัญๆ ตามคำแนะนำของ MoneyVal ซึ่งจะดำเนินการต่อไปเพื่อให้แน่ใจในสภาพคล่องและความมั่นคงทางการเงินของสันตะสำนัก.  ทุกสถาบันที่มีอธิปไตยจะมีบัญชีอยู่ที่ APSA ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นคลังสำหรับพวกเขา
        เกี่ยวกับกองทุนบำเหน็จบำนาญ,สมณกระทรวงเพื่อเศรษฐกิ,ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการทางเทคนิคในการศึกษาสถานการณ์ปัจจุบัน และเพื่อให้ข้อเสนอต่อสมณกระทรวงเพื่อเศรษฐกิจก่อนสิ้นปี. สมณกระทรวงได้รับรู้และยอมรับว่า ต้องมีเงินบำนาญมีการใช้จ่ายเงินในปัจจุบันนี้และสำหรับรุ่นต่อไป,มีความปลอดภัย แต่กองทุนต้องให้แน่ใจว่า มีเงินทุนเพียงพอสำหรับชนรุ่นอนาคตที่จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป. หลายประเทศทางตะวันตกได้เผชิญหน้ากับความท้าทายในระบบบำนาญของพวกเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา. ซึ่งคาดว่า กฎเกณฑ์ใหม่จะได้รับการจัดทำขึ้นปลายปี 2014  เพื่อการปรับกองทุนบำเหน็จบำนาญ สำหรับโครงสร้าบริหารทางเศรษฐกิจใหม่ของสันตะสำนัก
          คณะกรรมาธิการทางเทคนิคโดยมีมงซินญอร์เบรน เฟรน ( Brian Ferme) เลขานุการสมณะชั้นสูงของสมณกระทรวงฯ ฆราวาสผู้เชี่ยวชาญ 4 ท่านมีส่วนร่วมประสบการณ์การทำงานของพวกเขาและความเชี่ยวชาญ ได้แก่ Bernhard Kotanko, Austria; Andrea Lesca, Italy; Antoine de Salins, France, and Professor Nino Savelli, Italy.: นอกจากนี้ จะมีผู้แทนจากสมณกระทรวงเพื่อเศรษฐกิจ,เลขาธิการของนครรัฐและกองทุนบำเหน็จบำนาญ.
                    เรื่องอื่นที่รับการพิจารณา ได้แก่ โครงสร้างการสื่อสารของนครรัฐวาติกันและคณะกรรมาธิการที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้เสนอการปฏิรูปการสื่อวาติกัน. คณะกรรมาธิการจะพิมพ์เผยแพร่รายงานและแผนปฏิรูปที่ใช้เวลา 12 เดือนหลังจากพิจารณารายงานของ COSEA .
         วัตถุประสงค์ที่จะปรับงานเข้ากับสันตะสำนักคือการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มการบริโภคสื่อ, เพิ่มการประสานงานและวิธีประหยัดเงินที่ก้าวหน้าและคุ้มค่า. การสร้างประสบการณ์เชิงบวกที่เข้ากับความคิดริเริ่ม   เช่น Pope App  และบัญชีทวิตเตอร์ของสมเด็จพระสันตะปาปา, เพื่อทำให้ช่องทางดิจิตอลเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่า  สารของพระองค์จะเข้าถึงสัตบุรุษรอบโลก โดยเฉพาะเยาวชน.
       สมาชิกของกรรมาธิการมาจากเจ้าหน้าที่วาติกันและจากผู้เชี่ยวชาญนานาชาติอาวุโส. ซึ่งได้รับการคัดเลือกในเรื่องความเชี่ยวชาญในเรื่องการสื่อสารในการสะท้อนสากลภาพของพระศาสนจักรคาทอลิก.
         ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติได้แก่
1.Lord Christopher Patten, UK, ซึ่งจะทำหน้าที่ประทานของคณะกรรมการ
2.Gregory Erlandson, USA;
3.Daniela Frank, Germany;
4. Fr. Eric Salobir OP, France;
5. Leticia Soberon, Spain and Mexico;
6. George Yeo, Singapore.
       ส่วนเจ้าหน้าที่ของนครรัฐวาติกันได้แก่
1.    Msgr. Paul Tighe, เลขาธิการสมณกระทรวงเพื่อการสื่อสารมวลชน (secretary of the Pontifical Council for Social Communications), จะทำหน้าที่เลขาธิการของคณะกรรมาธิการwho will act as secretary of the committee
2.     Ghisani, วิทยุวาติกัน ( Vatican Radio);
3.    Msgr. Carlo Maria Polvani, เลขาธิการาของนครรัฐ (Secretariat of State);
4.     Msgr. Lucio Adrian Ruiz,บริการอินเตอร์เน็ตวาติกัน ( Vatican Internet Service),
5.     Professor Giovanni Maria Vian, หัวหน้าบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ ลอฟเซวาตอเร   โรมาโน (L'Osservatore Romano).
              ในเรื่องเกี่ยวกับสถาบันเพื่อการทำงานของศาสนา IOR,ตามด้วยการยืนยันของภารกิจของ IOR โดยสมเด็จพระสันตะปาปา เมื่อวันที่  7 เมษายนปี 2014 และภายใต้คำแนะนำของสำนักเลขาธิการสำหรับเศรษฐกิจและสมณกระทรวง,  IOR ได้ประกาศแผนการสำหรับขั้นตอนต่อไปของการพัฒนา
           สภาพระคาร์ดินัลของสมเด็จพระสันตะปาปา (C9), สำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ, คณะกรรมาการตรวจการของพระคาร์ดินัลและ คณะอำนวยการ IOR. กรรมการปัจจุบันของคณะอำนวยการได้ตกลงร่วมกันว่า แผนนี้จะดำเนินการโดยทีมผู้บริหารใหม่ที่นำโดยฌอง-บัปติสท์ เดอ ฟรังซู. (Jean-Baptiste de Franssu). จะถือว่าเป็นประธานใหม่ของ IOR เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2014. เอิร์นส์  ได้ตกลงที่จะให้บริการในช่วงเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า มีการถ่ายโอนงานที่เป็นระเบียบ. ฌอง-บัปติสต์ กล่าวว่า "เป็นเกียรติที่จะได้รัเรียกมาแปรสภาพ IORให้เป็นผู้ให้บริการที่อุทิศตนสำหรับพระศาสนจักร"
         ในอีกสามปี   จะทบทวนสถานะของ IOR และระเบียบการลาออกของคณะทำงาน. ตามด้วยชุดปฏิบัติการลำดับความสำคัญตามกลยุทธ์ : การเสริมสร้างพื้นฐานทางธุรกิจสำหรับ IOR; ค่อยๆ เคลื่อนย้ายทรัพย์สินภายใต้การจัดการที่จะจัดทำขึ้นใหม่,คณะผู้บริหารกลางทรัพย์สินวาติกัน (central Vatican Asset Management -VAM) เพื่อที่จะขจัดความซ้ำซ้อนระหว่างสถาบันต่างๆของวาติกันในด้านนี้; และมุ่งเน้นการให้คำแนะนำทางการเงินและการให้บริการการชำระเงินสำหรับพระสงฆ์, เร่งทำงานเรื่องเหรียญตรา และการจัดสรรบุคลากรวาติกันของ IOR
          IOR อยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงอย่างสันติ. ขั้นแรกของการปฏิรูปทำโดย ประธาน วอน เฟรเบิรก์ ( Freyberg) ให้เสร็จ.  ความคืบหน้าดีเยี่ยมได้รับการยืนยันจากมาตรฐานสากลและผลลัพธ์โปร่งใส ที่เห็นได้ชัดในรายงานประจำปีที่สองที่ได้รับการตรวจสอบอย่างเต็มที่โดย Deloitte.
                            มีการวางกรอบงานที่ป้องกันการฟอกเงิน (AML) กรอบการทำงานใหม่. แผนกดำเนินานภายใน ได้รับการสนับสนุนจากPromontory เสมียน18,000 คนทำงานทบทวนตัวเลขอย่างใกล้ชิด. ภาวะผู้นำของฟอน Freyberg ชัดเจน ตอนเริ่มระยะต่อไป ซึ่งนำโดยประธาน ฌองบัปติสท์ เดอ ฟรังซู  ที่จะอุทิศตัวเองเต็มเวลากับงานใหม่ของเขา. เพราะภาระอื่น ๆ ท่านประธานวอน เฟรเบิฟอน จึงไม่สามารถที่จะอุทิศตัวเองเต็มเวลากับการทำหน้าที่ของหน่วย IOR ได้
           เรื่องตัวแทนทางด้านการเงินต่างๆ ที่รายงานไปยังสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจนั้น, จะมีรูปแบบทั่วไปของความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญทั้งเป็นผู้รับศีลบวชและฆราวาสต่อไป. มุ่งสร้างลักษณะที่ถูกต้องของความร่วมมือของระดับรัฐในหน่วยงานIOR. แล้ว
          กรรมการ 5 ท่านในคณะกรรมาธิการการของพระคาร์ดินัลจะยังคงมีส่วนร่วมของพวกเขาและจะเข้าร่วมโดยพระคาร์ดินัล โจซิป  โบซานิค  Bozanic ซาเกร็บ, โครเอเชีย They are Cardinal Santos Abril y Castello, archpriest of the Papal Basilica of St Mary Major; Cardinal Thomas Christopher Collins, archbishop of Toronto; Cardinal Secretary of State Pietro Parolin; Cardinal Christoph Schonborn, archbishop of Vienna, and Cardinal Jean-Louis Tauran สมณมนตรีของสมณกระทรวงเพื่อศาสนสัมพันธ์
        ฆราวาสใหม่ 6 คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมาธิการของ IOR ได้แก่ 1.Cardinal Santos Abril y Castello, archpriest of the Papal Basilica of St Mary Major;
2.Cardinal Thomas Christopher Collins, archbishop of Toronto;
3.Cardinal Secretary of State Pietro Parolin; 4.Cardinal Christoph Schonborn,
5.Archbishop of Vienna, and Cardinal Jean-Louis Tauran
6. มงซินญอร์ Alfred Xuereb,เลขาธิการใหญ่ของสำนักเลขาธิการเพื่อเศรษฐกิจ จะเป็นเลขาธิการโดยตำแหน่งที่ไม่มีสิทธิลง
คะแนนเสียงในคณะกรรมาธิการของ IOR, ยังคงเป็นสมณะชั้นสูงของ IOR.