สถาบันฆราวาสผู้รับการเจิมถวายตัว (INSTITUTES OF SECULAR LIFE): สัญญาณของพระศาสนจักรในการเสวนา
นครรัฐวาติกัน , 10 พฤษภาคม 2014 ( VIS )

        "ในใจกลางประวัติศาสตร์ของมนุษย์ : ความท้าทายของสังคมที่ซับซ้อน" เป็นหัวเรื่องการประชุมเกี่ยวกับสถาบันฆราวาสผู้รับการเจิมถวายตัวที่เป็นรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่เจิมถวายตัว ที่มีสมาชิกในประเทศอิตาลีมากกว่าประเทศอื่น ๆ ในโลก, และซึ่งพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ทรงสถาปนา  "เพื่อปฏิรูปพระศาสนจักร”  ด้วยสมณธรรมนูญชื่อ  " ผู้รับใช้พระศาสนจักรผู้เป็นมารดา” Provida Mater Ecclesia " ในปี 1947
       เช้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงต้อนรับผู้มาเข้าเฝ้าในที่ประชุม, ตรัสสุนทรพจน์อย่างเป็นทางการ และตรัสกับพวกเขา, เน้นว่า สถาบันฆราวาสผู้รับการเจิมถวายตัว  "ทำงานหาญกล้าอย่างมีประสิทธิภาพในขณะนั้น,การถวายตนระดับสถาบันและมีโครงสร้าง” ต่อพวกเขา
       "จากช่วงเวลานั้นจนถึงเวลานี้ ท่านทำสิ่งที่เป็นคุณประโยชน์สำหรับพระศาสนจักร,ด้วยความกล้าหาญ,ขณะที่กล้าดำเนินชีวิตในโลก.หลายท่านอยู่ตามลำพังในที่พักอาศัย หลายคนอยู่ในชุมชนเล็กๆ. ทุกวัน ท่านใช้ชีวิตอยู่ในโลก,และในเวลาเดียวกัน ยังรำพึงภาวนาเพื่อสัมพันธ์กับพระเจ้าและกับโลก เกี่ยวกับความงดงามของโลก, และเกี่ยวกับบาปยิ่งใหญ่ของสังคม, การเบี่ยงเบนต่างๆ, สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด,และมักเป็นความเครียดฝ่ายจิตวิญญาณ... ด้วยเหตุนี้ กระแสเรียกของพวกท่านน่าสนใจ,ขณะที่เป็นกระแสเรียกหนึ่งที่อยู่ที่นั่น, ที่ความรอดไม่ใช่เป็นเพียงของแต่ละคน แต่ยังเป็นของสถาบันที่มีอิทธิพลด้วย”
        สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสเพิ่มเติมว่า  "ข้าพเจ้าหวังว่า พวกท่านจะรักษาทัศนคตินี้ ที่ไม่เพียงอยู่เหนือ  แต่ยังไปไกลกว่า ที่ทุกสิ่งมีบทบาท ไม่ว่าด้านการเมือง การศึกษา ครอบครัว.  บางที เป็นไปได้ว่า หลายครั้ง ท่านถูกล่อลวงให้คิดว่า   “เมื่อการประจญนี้อยู่เบื้องหลัง, จำไว้ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับเรา เกี่ยวกับเมล็ดข้าวสาลี. และชีวิตของท่านเหมือนเมล็ดข้าวสาลี. มันเหมือนผงฟู. ทุกสิ่งเป็นไปได้เพื่อว่าพระอาณาจักรจะมาถึง, เติบโตและยิ่งใหญ่, และปกป้องหลายคนได้, เหมือนต้นเมล็ดผักมัสตาร์ด. ลองคิดเรื่องนี้ดู. ชีวิตเล็กๆ, และท่าทีสุภาพ ธรรมดาๆ แต่พระอาณาจักรนี้ฟูขึ้นเรื่อยๆ.  สิ่งนี้ก่อให้เกิดการปลอบโยน.  เราไม่อาจเห็นผลลัพธ์ในความสมดุลของพระอาณาจักรของพระเจ้า  แต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงช่วยให้เราสามารถรับรู้บางสิ่งบางอย่าง ... เราจะเห็นผลต่างๆในเบื้องบน (สวรรค์)"
       "นี่คือเหตุผลที่ว่า สิ่งสำคัญอยู่ที่การมีความหวัง มาก! เพราะเป็นพระหรรษทานที่ท่านต้องขอจากพระเจ้าเสมอ : ความหวังที่ไม่เคยทำให้ผิดหวัง.ไม่เคยผิดหวัง ? ความหวังที่จะไปข้างหน้า. ข้าพเจ้าจะแนะนำท่านให้อ่านจดหมายถึงชาวฮีบรูบทที่ 11 บ่อยๆ เพราะเป็นบทที่เกี่ยวกับความหวัง. และเรียนรู้ว่า บรรพบุรุษมากมายของเราเดินไปตามเส้นทางและไม่เกิดผล,แต่พวกเขาจำพวกเขาได้แต่ไกล.  ความหวัง ... คือสิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาจากพวกท่าน. ขอบคุณมากสำหรับสิ่งที่ท่านทำเพื่อพระศาสนจักร; ขอบคุณมากสำหรับการสวดภาวนา และการกระทำของท่าน ขอบคุณสำหรับความหวังของท่าน.  และอย่าลืม : จงเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง " !
       แล้วสมเด็จพระสันตะปาปาทรงแจกสำเนาสุนทรพจน์เป็นทางการของพระองค์แก่ผู้เข้าร่วมประชุม ตามที่คัดมาข้างล่างนี้:
         พระศาสนจักรรับรองสถาบันฆราวาสผู้รับการเจิมถวายตัวเป็นรูปแบบหนึ่งของชีวิตที่ถวายตัว. แต่ยังไม่เข้าใจรูปแบบชีวิตนี้.อย่าท้อแท้ : ท่านเป็นส่วนหนึ่งของพระศาสนจักรที่ถือความยากจนและออกนอกบ้านที่ข้าพเจ้าใฝ่ฝันอยู่" !
          "พวกท่านเป็นฆราวาสและพระสงฆ์โดยกระแสเรียก และอยู่ท่ามกลางผู้คน, ดำเนินชีวิตที่ธรรมดาๆ โดยไม่มีเครื่องหมายภายนอกใด ๆ ,โดยปราศจากการเลี้ยงดูจากชีวิตรวมแบบคณะนักบวช,โดยไม่มีงานแพร่ธรรมเฉพาะแบบองค์กรที่เห็นได้.ท่านเต็มไปด้วยการทุ่มเทแก่ความรักของพระเจ้า. ดังนั้น ท่านสามารถที่จะรู้และแบกภาระชีวิตในการแสดงออกหลากหลาย.เร่งเร้าพวกเขาด้วยความสว่างและความแข็งแกร่งของพระวรสาร. 
        ท่านเป็นเครื่องหมายหนึ่งของพระศาสนจักร นั้น ในพระดำรัสของพระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ว่า .... กระแสเรียกของท่านทำให้ท่านสนใจทุกคนและ เข้าถึงความปรารถนาที่ลึกที่สุดของพวกเขา,ซึ่งมักจะเฉยเมยหรือสวมหน้ากาก. ท่านอาศัยความแข็งแกร่งของความรักของพระเจ้า ท่านจึงพบปะและทำความรู้จัก, ท่านจึงสามารถอยู่ใกล้และแสดงความอ่อนโยน ... เหมือนชาวซามาเรียที่เดินผ่านไป  เห็นคนอื่น และเห็นใจเขา.  นี่คือช่วงเวลาที่กระแสเรียกทำให้พวกท่านอุทิศตน:  เพื่อไปอยู่ใกล้แต่ละคนและทำตัวสนิทสนมกับคนที่ท่านพบ    เพราะท่านอยู่ในโลก ที่ไม่ได้เป็นเพียงเงื่อนไขทางสังคมวิทยาเท่านั้น   แต่เป็นสภาพความเป็นจริงทางเทววิทยา   ที่เรียกร้องให้ท่านปรากฎตัวอย่างมีจิตสำนึก  และระมัดระวัง ในการที่ท่านจะสามารถรับรู้ ได้เห็นและสัมผัสเนื้อตัวเป็นๆของพี่น้องชายหญิงของท่าน"
        "ถ้าสิ่งนี้ไม่เกิดขึ้น, ถ้าท่านฟุ้งซ่าน หรือยังแย่ ท่านก็ไม่รู้จักโลกร่วมสมัยใบนี้    แต่ท่านรู้และมักอยู่กับโลกที่ให้ความสะดวกสบายมากที่สุดเท่านั้น  หรือที่ล่อลวงท่านมากที่สุด, แล้วกลับใจด่วน.    กระแสเรียกตามธรรมชาติ คือ ต้องออกไป ไม่ใช่เพียงเพราะนำท่านออกไปหาคนอื่น   แต่ยังต้องการอยู่ในที่ที่ทุกคนอาศัยอยู่"
        "อย่าสูญเสียแรงกระตุ้นที่จะเดินไปตามถนน ในโลก,  ท่านทราบว่า การก้าวเดิน, แม้กับก้าวย่างที่ลังเลหรืออ่อนแรงก็ดีกว่ายืนนิ่ง,  กักตัวกับคำถามหรือความยึดมั่นในตัวเราเอง.
         ความคลั่งไคล้งานธรรมทูต, ความสุขของการพบปะกับพระคริสตเจ้า ที่ทำให้เราแบ่งปันความงดงามของความเชื่อกับคนอื่น ๆ, เป็นปราการป้องกันความเสี่ยงของการเป็นอัมพาตของแนวคิดปัจเจกนิยม"
        "ท่านเป็นเหมือนเสาอากาศ  พร้อมที่จะ รวบรวมเมล็ดพันธุ์แห่งความใหม่ที่รับแรงบันดาลใจจากพระจิตเจ้า, และสามารถช่วยให้ประชาคมพระศาสนจักร  ที่จะมองด้วยความรักฉันพี่น้อง และหาเส้นทางใหม่ที่กล้าหาญที่จะเข้าถึงทุกคน. การถือความยากจนในหมู่คนยากจน, แต่ด้วยหัวใจที่ลุกร้อน.  อย่าหยุดนิ่ง แต่เดินทางเสมอ. และถูกส่งไปด้วยกัน แม้ว่า ท่านอยู่คนเดียว  เนื่องจากการถวายตัวทำให้ท่านเป็นประกายไฟของพระศาสนจักร. จงเคลื่อนไปเสมอด้วยคุณธรรมของ ผู้แสวงบุญ : จงชื่นชมยินดีเถิด" !