สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส-บุคคลแห่งปี 2013-Time Magazine
By Howard Chua-Eoan and Elizabeth Dias- December 11,2013

      ชานกรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา มีถนนสายเล็ก ๆที่เรียกว่า ปาซาเค ซี (Pasaje c), พื้นถนนเต็มไปด้วยเม็ดโคลนแห้ง ถนนนี้นำไปสู่ชุมชนแออัด ที่นำไปสู่ถนนหลัก, ถนนนี้มีแต่ขยะเกลื่อนกลาดแถวมาเรีย คอสต้า Mariano Acosta. มีวัดพระนางมารีย์ปฏิสนธินิรมล (The Immaculate Virgin) ตรงไปทางเดิน (Pasaje สเปน ทางเดิน) – ที่ครั้งหนึ่ง พระสงฆ์ท้องถิ่นและประชาชนจำนวนที่อาศัยแถบนั้นรู้สึกตกใจกลัว หลบเข้าไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เมื่อแก๊งยาเสพติดคู่แข่งยิงปืนใส่กันดังลั่นสนั่นหวั่นไหว. เหนือวัด, ซอกซอยของปาซาเค ซี นำไปสู่ชุมชนวัด: มีร่องโคลนมากขึ้นและทางเดินที่ทำด้วยปูนหัก นับตั้งแต่ปาซาเค ซี ถึง กา (k).ที่อยู่อาศัยทำด้วยเศษอิฐก่อสร้างในที่สาธารณะอย่างรีบร้อน ผู้คนต้องเดินลุยไปตามทางเท้าที่เหนียวหนึบ. คำว่า   asesino – ฆาตกร- ถูกเขียนด้วยสีอย่างหวัดๆบนบนผนังเปื้อนด้วยเขม่าดำของบ้านที่ถูกเผาเมื่อวันก่อนเพื่อแก้เผ็ดกับอีกฝ่ายที่ยิงสู้กัน. ฝูงสุนัขนอนเหยียดยาวอยู่ใต้ซากรถ.  เด็กๆเดินเที่ยวเล่นบนพื้นผิวจราจร เพราะไม่มีอะไรจะมาทำให้พวกเขารีบเดินบนถนนขรุขระเหล่านี้ได้. แต่เส้นทางปาซาเค ซี นี้แหละที่นำพระสันตะปาปาฟรันซิสไปสู่กรุงโรมได้

       ในฐานะที่พระองค์ทรงเคยเป็นพระคาร์ดินัลและอัครสังฆราชแห่งมหานครบัวโนสไอเรสที่มีประชากร 13.5 ล้านคน, ฮอร์เฆ มาริโอ แบร์โกลิโอ (Jorge Mario Bergoglio ทำตัวให้ว่างในตารางเวลาของทุกปี เพื่อไปเยี่ยมสัตบุรุษในสถานที่สกปรกและน่าเศร้านี้. ท่านเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อไปยังอาสนวิหารของมหานคร,ที่มีเสาและโดมที่งดงาม ที่เข้าถึงศูนย์อำนาจของประเทศอาร์เจนตินาอย่างง่ายดาย. ท่านเดินทางไปคนเดียว ท่านจะเปลี่ยนไปใช้รถรางที่มีภาพวาดที่เกิดจากการขีดเขียนบนฝาผนัง ไปสู่มารีอาโน อาคุสตา เรีย คอสต้า (Mariano Acosta) ไปสู่บริเวณที่รถไฟใต้ดินไปไม่ถึง. ท่านจึงไปถึงที่หมายด้วยการเดินเท้า ที่เคลื่อนตัวไปด้วยความยากลำบากด้วยรองเท้าแข็งสีดำเพื่อรักษากล้ามเนื้อ ไปตามทางปาซาเค ซี. วันอื่น ๆ ท่านจะเดินทางไปละแวกใกล้เคียง (barrios) ทั่วเมือง- ในวันนั้น คนจนแต่ไม่ขาดแคลนเกินไปหรือน่ารังเกียจเกินไปสำหรับเจ้าชายสัญจรที่จะไปเยี่ยมเยียนผู้คนทั่ว
พระศาสนจักร. พระองค์ขอเสียงหัวเราะจากเกือบทุกคนที่ท่านได้พบปะ. และตรัสว่า “สวดให้พ่อด้วยนะ”
           เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2013 ฮอร์เฆ มาริโอ แบร์โกลิโอ สืบทอดบัลลังก์ของนักบุญเปโตรผู้ถือกุญแจสวรรค์- พระองค์ได้ขอสิ่งเดียวกันกับที่นักบุญเปโตรเคยขอจากคริสตชน คือ ทรงขอจากชาวโลกว่า “สวดให้พ่อด้วยนะ”. บรรดาพระสังฆราชทั้งหมดที่มีอายุ 75 ปี และอายุมากกว่าต้องเขียนจดหมายลาออก, พร้อมที่อยู่ในแฟ้มของสันตะสำนักวาติกันเพื่อรอการอนุมัติ.  เพื่อนๆในประเทศอาร์เจนตินา ได้รับรู้ว่า จดหมายของท่านถูกระงับไว้.
ทันใดนั้น, พระองค์ทรงเป็นบุคคลใหม่ที่เรียกตัวเองว่า ฟรันซิส เพื่อทรงมีพระจริยวัตรตามแบบนักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซี ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ในขณะที่ สมเด็จพระสันตะปาปาทรงมีอำนาจสูงสุดของนครรัฐวาติกัน และทรงเป็นประมุขของลูกๆที่ติดตามที่มากพอที่จะทำให้ประชากรจีนบางส่วนเป็นประชากรของพระองค์ได้-พระองค์ประทับยืนผงาดบนหน้าผา ทำงานร่วมกับคนที่ทำงานแบบราชการ, เพื่อทำงานสังคมสงเคราะห์อย่างกว้างขวาง, ยังมีคนชั่วสร้างเรื่องอื้อฉาวอีกด้วย, ท่านต้องทำงานส่วนมากกับผู้ศึกษาคำสอน,คำสอนดูเป็นสิ่งเร้นลับมากสำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการสอน, จึงมีช่องว่างระหว่างพระองค์กับคนจนที่ทุกข์ทรมานในชีวิตประจำวัน ในที่สุด  ดูเหมือนจะข้ามหน้าผาไปไม่ได้เสียเลย. จนกระทั่ง พระสันตะปาปาองค์ที่ 266 ทรงเดินข้ามไปได้ด้วยรองเท้าที่ล้าสมัยของพระองค์ เพื่อไปจ่ายค่าเช่าที่พักของพระองค์เอง.
             ตำแหน่งพระสันตะปาปาเป็นสิ่งลึกลับและวิเศษ: ได้เปลี่ยนแปลงบุคคลที่มีอายุ 70 ปีเศษกลายเป็นดารายอดนิยม ในขณะที่เผยให้เห็นว่า เกือบไม่มีอะไรเกี่ยวกับพระองค์. แต่กลับเพิ่มความหวังในทุกมุมของโลก -โลกที่มีความหวังที่ไม่สามารถเติมเต็มได้ เพราะพวกเขาไม่อาจคืนดีกันได้. นักธรรมประเพณีสูงวัยที่มีปัญหาเรื่องถ่ายปัสสาวะขณะประกอบพิธีมิสซาขอบพระคุณ ความหวังของชาย-หญิงต่างมีความหวังต่างๆนานาในทางศาสนา  ปัญหาของหญิงสาวอุทิศตนที่ปรารถนาที่จะเป็นพระสงฆ์องค์หนึ่ง. ทั้งสอง มงซินญอร์ผู้ทะเยอทยานในคูเรียโรมัน(คณะผู้บริหารชั้นสูงของนครรัฐวาติกัน)  ส่วนสังฆานุกรผู้ประกาศพระวรสารในหมู่บ้านฟิลิปปินต์ที่อยู่ห่างไกลคิดว่า ไม่มีพระสันตะปาปาองค์ใดสามารถให้พวกเขาทั้งหมดมีความสุขในทันที.
แต่สิ่งที่ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์นี้มีความสำคัญคือ พระองค์ทรงเข้าถึงจินตนาการของประชาชนเรือนล้านได้อย่างรวดเร็ว ว่าพวกเขากำลังถอดใจ หมดหวังในพระศาสนจักรคาทอลิกแล้ว เพราะทุกคนเหนื่อยล้ากับความเห็นทางจริยธรรมทางเพศที่ต่างกันอย่างไม่มีสิ้นสุด  .... “แกะที่หิวโหยเงยหน้ามอง แต่ก็ยังไม่ได้รับอาหาร” ( ขอยืมจาก มิลตัน Milton) เรื่องดำเนินต่อไปหลายเดือน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ทรงยกระดับพันธกิจการเยียวยาของพระศาสนจักร-พระศาสนจักรอยู่ในฐานะผู้รับใช้และผู้บรรเทาของคนเจ็บป่วยในโลกที่ใช้ความรุนแรง- ทรงมีนโยบายด้านข้อความเชื่อที่สำคัญมากเหนือบรรดาผู้สืบตำแหน่งก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นพระสันตะปาปายอห์น ปอลที่ 2 พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ล้วนซึ่งเป็นอาจารย์ทางเทววิทยา ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปา
ฟรันซิสทรงเคยเป็นภารโรง คนทำงานในสถานเริงรมย์, นักเทคนิคด้านเคมีและครูสอนวรรณคดี
  เบื้องหลังพระพักตร์ที่อ่อนโยนของสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ทรงปฏิบัติพระพันธกิจอย่างชาญฉลาด ทรงเป็นเครื่องมือที่ทรงปรีชาสามารถในศตวรรษที่ 21 ในการทำงานเพียงช่วงหนึ่งศตวรรษของพระองค์ พระองค์ทรงมีภาพถ่ายการล้างเท้านักโทษหญิงพร้อมกับผู้มาเข้าเฝ้าพระองค์ในพิธีล้างเท้าวันพฤหัสฯศักดิ์สิทธิ์, ทรงกำลังสวมกอดชายที่มีใบหน้าตะปุ่มตะป่ำ (ที่เป็นโรคเท้าแสนปม) พระองค์ตรัสกับคนที่ทำแท้งเพราะความยากจนหรือถูกข่มขืนว่า “ใครจะอยู่เฉยต่อหน้าคนที่อยู่ในสถานการณ์ที่เจ็บปวดเช่นนี้ได้เล่า” พระองค์ตรัสกับคนที่เบี่ยงเบนทางเพศว่า “ถ้าผู้มีพฤติกรรมรักเพศเดียวกันมีน้ำใจดีและยังแสวงหาพระเจ้า... พ่อไม่ใช่คนที่จะไปตัดสิน” พระองค์ตรัสถึงคาทอลิกที่หย่าร้างกันและคาทอลิกที่แต่งงานใหม่ ซึ่งตามกฎระเบียบ ห้ามพวกเขารับศีลมหาสนิทซึ่งเป็นพิธีที่สำคัญมาก  ศีลมหาสนิท "ไม่ใช่รางวัลสำหรับผู้ที่คนที่ดีพร้อม แต่เป็นยาที่มีประสิทธิภาพและเป็นอาหารสำหรับผู้ที่อ่อนแอต่างหาก”
อาศัยเวลาการสร้างจิตสำนึกและทักษะเหล่านี้ของพระศาสนจักรของพระเยซูเจ้า ขณะที่พระองค์ทรงเล่าเรื่องในพระวรสาร, สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่นี้ก็เช่นกัน  อาจจะพบทางออกจากการต่อสู้ทางวัฒนธรรมในศตวรรษที่ 20, ซึ่งปล่อยให้พระศาสนจักรมีอาการร่อแร่มากในยุโรปตะวันตกและเกี่ยวกับการป้องกันตั้งแต่กรุงดับลินถึงลอสแองเจอลิส. แต่...การรับตำแหน่งพระสันตะปาปา เป็นภาระที่น่าอัศจรรย์ของบรรดาพระสันตะปาปาขององค์ก่อนๆ เพราะตำแหน่งนี้มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์, เกี่ยวกับคำสอนและข้อความเชื่อที่ถักทอที่ประณีตมาหลายศตวรรษแล้ว อัจฉริยชนหลายท่านเป็นทั้งแหล่งที่มาและข้อจำกัดต่ออำนาจพระสันตะปาปา. เห็นได้ทั่วไปจากทุกรูปปั้น,ห้องใต้ดินของวัดและภาพสีบนหนังในกรุงโรมและในวัด ห้องสมุด โรงพยาบาล มหาวิทยาลัยและพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก, สมเด็จพระสันตะปาปาทรงกำหนดบทบาทของตัวเอง เพียงให้พระองค์สามารถปรับเข้ากับเส้นทางที่ทรงเลือกแล้ว
             และดังนั้นสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิสทรงส่งสัญญาณแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในขณะที่ให้คำตอบเดียวกับปัญหาที่น่าอึดอัดใจเช่น ปัญหาเกี่ยวกับพระสงฆ์หญิง:"เราจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อพัฒนาวิชาเทววิทยาให้ลึกซึ้งขึ้น” ซึ่งหมายถึง “ไม่”.  พระองค์ไม่ให้ทำแท้ง เพราะชีวิตของแต่ละคนเริ่มต้นที่การปฏิสนธิ์. ไม่มีพิธีสมรสระหว่างคนที่รักเพศเดียวกัน, เพราะพระเจ้าเองทรงสถาปนาความผูกพันระหว่างชายกับหญิง. "คำสอนเกี่ยวกับพระศาสนจักรชัดเจนอยู่แล้ว" สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสว่า  “ข้าพเจ้าเป็นบุตรของพระศาสนจักร,แต่”-  และที่นี่ พระองค์ขอให้สวดภาวนาเพื่อพระองค์มากขึ้น- “มันไม่จำเป็นที่จะพูดคุยถึงปัญหาเหล่านั้นตลอดเวลาหรอกนะ ลูก”
       อย่างไรก็ตาม การตอบปัญหาเหล่านั้นต้องอาศัยแบบอย่างที่ชัดเจนของพระองค์เอง พระองค์จึงทรงสามารถนำพระศาสนจักรเข้าสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับนักวิจารณ์และผู้ที่คัดค้าน – ผู้ที่เห็นด้วยหรือผู้ที่ไม่เห็นด้วย กับปัญหาที่ทำให้พวกเขาแตกแยกกัน ในขณะที่พวกเขาต้องให้ความร่วมมือกับพันธกิจเร่งด่วนของการแพร่เมตตารัก เขาจะต้องปล่อยสิ่งดีที่ยังไม่มีใครบอกเล่าได้. “ข้อโต้เถียงลดลง ความสำเร็จมากขึ้น" อาจจะเป็นคำขวัญของการเยียวยารักษาสำหรับสมัยของเรา.  เรามีปัญหาท่วมท้นที่รอการแก้ไข. สมเด็จพระสันตะปาปาตรัสด้วยแบบอย่างของพระองค์. ทรงยุติการโต้เถียงและพับแขนเสื้อขอพระองค์เพื่อทำงาน.อย่าปล่อยให้คนดีพร้อมเป็นศัตรูกับคนดี ในการทำให้โลกได้ยินสิ่งสำคัญ,โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบุรุษผุ้หนึ่งที่ดำรงตำแหน่งที่ไม่รู้จักผิดพลั้ง(ตำแหน่งพระสันตะปาปาที่ตรัสมาจากพระบัลลังก์)