ช่วงเวลาแห่งญาณสภาพทำให้โป๊ปทรงกล้าหาญและเป็นอิสระ
โพสต์วันที่ 7 ตุลาคม 2013 โดย catholicvoicesmedia
ข้อมูลใหม่เกี่ยวกับประสบการณ์ในการสวดภาวนาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้รับการเปิดเผย ว่าเป็นประสบการณ์ที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากการเลือกตั้งพระสันตะปาปา ซึ่งจะช่วยให้การทำศาสนบริการพิเศษสุด ทรงเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระที่ชัดเจน
สกาลฟารี (Scalfari)
เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่ออูเยนีโอ สกาลฟารี นักอเทวนิยม ผู้ก่อตั้งสื่อ ลา เรปูบลิกา La Repubblica ที่สัมภาษณ์สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตรัสกับพระองค์ในที่ประชุมเลือกตั้งลับพระสันตะปาปา "ก่อนที่พระองค์ทรงยอมรับ" เจตจำนงของคณะพระคาร์ดินัล
ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีในห้องพักที่อยู่ติดกับระเบียง. ผมไม่ได้คิดอะไรเพราะรู้สึกกังวลมาก. ผมผ่อนคลายขณะที่ปิดตาและเลิกคิด. ผมปิดตาและไม่กังวลหรือมีอารมณ์ใดๆเลย. ในที่สุดผมก็เข้าถึงจุดที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง. แม้เวลผ่านไปเพียงครู่เดียว แต่ผมรู้สึกว่านานมาก จากนั้น แสงจางหายไป ผมก็ตื่นทันที และเดินเข้าไปในห้องที่คณะพระคาร์ดินัลกำลังรอ พระคาร์ดินัล Camerlengo ลงชื่อกำกับเอกสารและประกาศที่ระเบียงว่า “เรามีพระสันตะปาปาแล้ว”
บรรดาพระคาร์ดินัลมีความขัดแย้งกันขณะที่พระคาร์ดินัลที่ได้รับเลือกตั้งปรากฏตัว – พระคาร์ดินัลโดลังแห่งนิวยอร์คย้ำเมื่อเร็ว ๆ ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสที่ได้รับการยอมรับ รีบเดินไปที่วัดน้อยซิสตีนทันที โดยไม่ลังเลพระทัย และยังประทับที่วัดน้อยนั้น และ Andrea Tornielli นักข่าวประจำวาติกันชี้ประเด็นว่า ไม่มีห้องถัดไปในจัตุรัจนักบุญเปโตร ซึ่งอยู่กลางทางเดินจากประตูหน้าไปห้องอื่นๆ
(บรรยายภาพ-วัดน้อยปอลลีน (Pauline Chapel)
นักข่าวสอบถามความจริงจาก Scalfari ที่อายุ 89 ปี เขาไม่ได้บันทึกอะไรไว้ขณะที่เข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปา; และเขาบันทึกจากความทรงจำในภายหลัง
คุณพ่อลอมบาร์ดีย้ำเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมว่า ถึงแม้มีเรื่องน่าเชื่อถือ – ที่สกาลฟารีถวายให้สมเด็จพระสันตะปาปาทอดพระเนตรก่อนที่จะนำไปพิมพ์เผยแพร่ -
+ คุณพ่อ โรซิกา (FR Rosica) ยืนยัน ว่าหลังจากยอมรับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ มีคนนำสมเด็จพระสันตะปาปาไปที่ "ห้องแห่งน้ำตา" ที่ด้านซ้ายของแท่นบูชาหลักของวัดน้อย ที่พระองค์ทรงถอดเสื้อคลุมพระคาร์ดินัลและสวมเสื้อแคช-ซัค (เลือกมาเก็บรองเท้าดำและกางเขนที่หน้าอก). แล้วพระองค์ออกจากวัดน้อยซิสเตนไปที่วัดปอลลีน ที่พระองค์ทรงสวดภาวนา เป็นวัดน้อยปอลลีนนี่แหละที่พระองค์ทรงรับประสบการณ์ญาณสภาพ ก่อนถึงขั้นตอนต่อไป แล้วทรงปรากฏองค์ที่ระเบียงเวลาประกาศว่า “เราได้พระสันตะปาปาแล้ว”
มงซินญอร์ ดาริโอ วีกาโญ (Mgr. Dario Viganò ผู้อำนวยการแห่งศูนย์โทรทัศน์วาติกัน
สมเด็จพระสันตะปาปาไม่ได้ทรงทักทายพระคาร์ดินัลผู้ใด ราวกับว่าพระองค์กำลังรับภาระที่ใหญ่หลวง เมื่อพระองค์มาถึงวัดน้อยพอลลีนที่พวกเขาได้เตรียมบัลลังก์ไว้ แต่พระองค์ไม่ได้นั่งบนบัลลังก์ พระองค์ให้พระคาร์ดินัลนั่งข้างพระองค์ที่เก้าอี้แถวสุดท้ายในวัด ทรงสวดภาวนาเงียบๆ แล้วทรงลุกขึ้น. หันไปรอบ ๆ แล้วเข้าไปในศาลาเรเยีย Regia และในช่วงเวลานั้นเอง พระองค์ทรงเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ทรงแย้มพระสรวล ราวกับว่าพระองค์ทรงได้รับมอบหมายภาระนี้ พระเจ้าตรัสกับพระองค์เป็นการส่วนตัวว่า "ไม่ต้องกังวลหรอก เราจะอยู่ที่นี่กับท่าน. 'พระองค์ทรงเป็นบุคคลที่ไม่เศร้าใจอีกต่อไป พระพักตร์ของพระองค์ไม่แสดงความเหนื่อยล้า. แต่ทรงเป็นผู้ที่มั่นคง และทราบว่าพระองค์ทรงประสงค์สิ่งใด
จอห์น อัลเลน
ประสบการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตามที่พระคาร์ดินัลชื่อจอห์น อัลเลน(John Allen)ได้พูดถึงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ผมได้พูดคุยกับพระคาร์ดินัลองค์หนึ่ง ที่ได้เลือกฟรานซิส (ไม่ใช่ชาวอเมริกัน) ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาทรงมีปฏิสันถารเป็นส่วนตัวด้วย. “พระองค์ไม่ใช่คนเดิมที่ผมเคยรู้จักในประเทศอาร์เจนตินา."
สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตอบพระคาร์ดินัลองค์นี้ว่า: "เมื่อพ่อได้รับเลือกตั้ง พ่อเกิดความสงบภายใน และมีอิสรภาพในตัวพ่อ และก็ไม่เคยจากผมเลย."
อีกแง่หนึ่ง สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงได้รับญาณสภาพตั้งแต่วันเลือกตั้งพระสันตะปาปาอย่างเห็นได้ชัด พระองค์ทรงถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ห่างไกลจากตัวตนเดิมของพระองค์มากขึ้น ทรงวางพระองค์ปราศจากอคติ ตรัสอย่างเปิดเผยด้วยน้ำใสใจจริง และทรงกล้าหาญกว่ามากจุดยืนก่อนที่ทรงรับตำแหน่งพระสันตะปาปา
หลักฐานของการเปลี่ยนแปลงประสบการณ์นี้ ที่เกิดขึ้นในพระองค์ และยังดำรงอยู่ เหนือสิ่งอื่นใด เป็นความขัดกันอย่างกระทันหันระหว่างเป็นธรรมชาติของพระองค์ , ความกล้าหาญ, ความสุขและเต็มไปด้วยพลังของสมเด็จพระสันตะปาปาฟราน ทรงเป็นคนละคนกับพระคาร์ดินัลแห่งอาร์เจนตินา
ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือท่าทีที่พระองค์ทรงตอบการสัมภาษณ์. ในบัวโนสไอเรส พระองค์ไม่เคยประทานสัมภาษณ์เลย. แต่เมื่อเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา ในเวลาเพียงไม่กี่เดือน พระองค์ประทานสัมภาษณ์ 4 ครั้ง เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดในพระองค์
คุณพ่อ ลอมบาร์ดี (FR Lombardi)
คุณพ่อ ลอมบาร์ดี สังเกตว่าสมเด็จพระสันตะปาปาไม่ได้ทรงเตรียมบทพูดมาก่อน แต่เป็นสุนทรพจน์สดที่เป็นอิสระ และไม่เป็นทางการ จึงไม่กังวลเกินไปเกี่ยวกับความถูกต้อง และเรียกรูปแบบใหม่ว่าเป็นการตีความ – ไม่ใช่ง่วนสำหรับแต่ละประโยชน์ที่วิเคราะห์ความหมายของมัน. แต่เป็นยอมรับแทน เพราะเป็นพลวัตของการพบปะผู้คน. ในที่สุด มีวิธีการอื่น ๆ เป็นการออกเสียงที่ต้องมีความชัดเจน
บัดนี้ เราเรียกว่าเป็น “การเสวนา” กษัตริย์ไม่ได้ประทานสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติของกษัตริย์เอง เพราะพวกเขาให้คำนิยามตามระดับต่างๆ. แต่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสไม่ได้เป็นกษัตริย์ คือคนอื่นขอให้พระองค์รักษาระยะห่างระหว่างสมเด็จพระสันตะปาปาและความเป็นมนุษย์. ความชัดเจนต้องมาก่อนความอบอุ่น. ศักดิ์ศรีต้องมาก่อนการเข้าถึง
พระองค์ทรงมั่นพระทัย ในขณะที่พระองค์ตรัสกับนักข่าวเกี่ยวบนเครื่องบินกลับจากริโอว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ - เป็น Kairos –เกี่ยวกับความเมตตา เมื่อพระศาสนจักร ถูกเรียกร้องให้ออกไปหาผู้คน ใกล้ชิดกับพวกเขาและพูดกับพวกเขาด้วยหัวใจ. ธรรมชาติของพระสันตะปาปาฟรานซิส แสดงถึงความอ่อนน้อมถ่อมตน และการเข้าถึง เป็นต้นแบบของการเข้าถึงนี้ ที่แสดงชัดเจนในการเสด็จเยือนในวันศุกร์ที่อัสซีซี – เช่นเดียวกับในการพบกับสกาลฟารี
+
ลีลาใหม่ของสมเด็จพระสันตะปาปา ต้องเหมาะสมอย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเป็นผู้นำของพระศาสนจักร แต่เราที่ไม่แน่ใจสิ่งที่คาดหวังต่อไป. สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเป็นอิสระ แม้ว่าจะเกิดความเคืองใจ ด้วยการปฏิเสธในการประทานสัมภาษณ์ของสกาลฟารี ที่เขาเรียกว่า เป็นความเห็นที่ “มุ่งให้วาติกันเป็นศูนย์กลาง" (“Vatican-centric” view) ที่ห่างไกล
จากลักษณะงานอภิบาล
แต่คนธรรมดาประทับใจวิถีชีวิตของพระสันตะปาปาทันที. พระองค์ประทานคำสอนของแก่ผู้เข้าเฝ้าพระองค์ประจำสัปดาห์ และพระองค์ใช้เวลาหลายชั่วโมงในการตรัสทักทาย ปลอบโยน สวมกอดผู้ป่วยและผู้พิการ
พระองค์ทรงทำให้พระศาสนจักรเป็นต้นแบบของ “โรงพยาบาลสนามรบ” มากกว่าเป็นป้อมปราการ (ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องสิ่งที่อยู่ภายใน) หรือศาล (หมกมุ่นอยู่กับความเป็นมารยาทและและรูปแบบ).พระองค์ทรงแสวงหาต้นแบบพระศาสนจักร ให้ตั้งอยู่ที่คนชายขอบ มีศูนย์กลางที่พระคริสตเจ้า เช่นเดียวกับการปฏิรูปของพระองค์ เป็นการนำพระศาสนจักร “สู่นอก” พระศาสนจักร-พระศาสนจักรท้องถิ่น – เข้าสู่ธรรมาภิบาลของพระศาสนจักรสากล ผ่านคณะพระคาร์ดินัลและสภาพระสังฆราช
นิโคล วินฟิลด์ (Nicole Winfield) สรุปวิธีการใหม่ ในชุดของหัวข้อต่างๆ นั่นคือ เป็นพระศาสนจักรที่ 'ยากจนและเพื่อคนยากจน' ที่ต้อนรับทุกคน รวมทั้งผู้ที่ไม่นับถือคาทอลิก ; ที่ไม่ได้ตัดสิน; ที่ 'ยุ่งเหยิง' และออกนอกห้องสักการภัณฑ์; ที่ทำงานเพื่อความสงบสุขและใส่ใจสิ่งแวดล้อม และล้วนได้รับการปฏิรูป
+
(การ์ตูนของ ลา นาชีโอน )
ช่วงเวลาเจ็ดเดือนของสมณศักดิ์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สรุปว่า เป็นการแผลง ที่จำเป็น ต้องก่อให้เกิดวิกฤตของตัวตนสำหรับบางคน.
คุณพ่อคาร์ลอส กาลยี ( Fr Carlos Galli) เป็นนักบวชอาร์เจนตินา พูดกับสื่อรายวัน ลา นาซีโอน (La Nación) ที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า "เปลี่ยนกะพื้นดินเพราะเป็นคำอุปมาของลูกชายพี่ชายซึ่งเป็นเสมอในคริสตจักรที่เก็บกฎและมองลง ในส่วนที่เหลือให้เห็นว่าสมเด็จพระสันตะปาปาจะให้ความสนใจมากขึ้นให้กับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่แสดงโดยน้องชาย. "
ที่มักอยู่ในพระศาสนจักร เขารักษากฏและดูหมิ่นคนอื่น เห็นว่าพระสันตะปาปาเอาพระทัยใส่ผู้ที่บาดเจ็บ ซึ่งเป็นน้องชาย”
เรื่องอุปมาบิดาผู้อารีไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พี่ชายทำต่อไป คือเขายังอยู่นอกบ้าน งอนหรือจะเข้าไปในงานฉลอง. และเป็นการยากที่รู้ว่าสิ่งที่ปฏิกิริยาต่อสมเด็จพระสันตะปาปามาจากคนในพระศาสนจักร ขณะที่พระองค์ทรงถล้ำลงเรื่อยๆ
แต่ไม่ต้องสงสัย ความกล้าหาญที่ไม่ธรรมดาของสมเด็จพระสันตะปาปา เด็ดขาดและกล้าเปลี่ยนจุดยืนนี้. พลังที่จะช่วยให้ต่อสู้ได้นานและพลังของพระองค์มีลักษณะพิเศษมาก ทรงอยู่ในพิธีบูชาขอบพระคุณมากกว่า 11 ชั่วโมงที่อัสซีซี เพื่อประทานสุนทรพจน์ สวดภาวนาในสถานที่ต่างๆ 9 แห่ง และได้พบกับคนหลายร้อยคน – รวมถึงคนป่วยและผู้พิการมากมาย.
แต่พิเศษกว่านั้น ที่พลังของพระองค์มีอิสระในความสงบและความสุขที่พระองค์หลั่งไหลออกมา
[ออสเตน ไอเวไร]
https://cvcomment.org/2013/10/07/the-mystical-moment-that-is-the-source-of-francis-boldness-and-freedom/