การนำเสนอของสมัชชาสภาพระสังฆราชเกี่ยวกับการประกาศพระวรสารแบบใหม่
นครวาติกันที่ 5 ตุลาคม 2012 (VIS)
เช้านี้ สำนักหนังสือพิมพ์สันตะสำนัก พระอัครสังฆราช Nikola Eterovi เลขาธิการสภาพระสังฆราช แถลงข่าวเกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญของสมัชชาสภาพระสังฆราชครั้งที่ 13 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-28 ตุลาคม ในหัวข้อ "การประกาศพระวรสารเพื่อการถ่ายทอดความเชื่อคริสตชน”
ก่อนที่จะลงถึงรายละเอียดของการประชุมสมัชชาพระสังฆราชที่จะมาถึง พระอัครสังฆราชจุดประเด็นถึงความสำคัญของการไม่แยกสองมุมมองของหัวข้อที่เลือกมา “หัวข้อชี้แสดงว่า เป้าหมายของการประกาศพระวรสารคือการถ่ายทอดความเชื่อ ซึ่งวันนี้ เผชิญกับอุปสรรคนานาชนิด ที่เกิดขึ้นภายในบริบทของการประกาศพระวรสาร”
จากนั้น ท่านอธิบายต่อไปเกี่ยวกับการเตรียมและขั้นตอนต่างๆ ที่เป็น "กระบวนการที่ซับซ้อนและมีความต้องการ" ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านที่เชื่อมโยงกัน: "มิติทางจิตวิญญาณ, การไตร่ตรองด้านเทววิทยาและการอภิบาล และการเตรียมที่จัดระเบียบด้านเทคนิค"
1. มิติทางจิตวิญญาณ
"การภาวนาและการกระตุ้นทุกกิจกรรมของสมัชชาสภาพระสังฆราช.. พร้อมกับการเตรียมงาน ... และจะมีบทบาทเด่นในช่วงของการประชุม. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงเป็นประธานในจารีตพิธี 4 ครั้งคือ
วันที่ 7 ตุลาคม 2012 พิธีเปิดการประชุมและประกาศการสถาปนานักบุญยอห์นแห่งอาวิลาและนักบุญฮิลเดอการ์ดแห่งบินเยนเป็นปราชญ์แห่งพระศาสนจักรสากล
วันที่ 11 ตุลาคม พิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับพิธีเปิดปีแห่งความเชื่อ
วันที่ 21 ตุลาคม การสถาปนาบุญราศี Jacques Berthieu, Pedro Calungsod, Giovanni Battista Piamarta, Carmen Salles y Barangueras, Marianne Cope, Kateri Tekakwitha and Ana Schaffer
วันที่ 28 ตุลาคม พิธีปิดการประชุมสมัชชาพระสังฆราช"
2. การไตร่ตรองด้านเทววิทยาและด้านงานอภิบาล
"สมเด็จพระสันตะปาปาทรงเลือกหัวข้อนี้ สำนักเลขาธิการแห่งการประชุมสมัชชาได้เตรียม 'Lineamenta' หรือเอกสารเตรียมการไตร่ตรอหัวข้อนั้น ที่ตีพิมพ์เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2011. แบบสอบถามประกอบ 'Lineamenta' ถูกส่งไปยังองค์กรของพระศาสนจักรทั้งหมด พร้อมกับสำนักงานเลขาธิการยังคงติดต่อกับสถาบันระดับต่างๆ, และขอให้ตอบกลับมาเนิ่นๆก่อนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2011. อัตราคำตอบที่ส่งมาถึง ร้อยละ 90.5 - คือการแสดงออกถึงความสนใจอย่างมากว่า
พระศาสนจักรท้องถิ่นและองค์กรต่างๆรับหัวข้อที่สมัชชาเลือก... สภาสมณะผู้ใหญ่ของสำนักงานเลขานุการตรวจสอบคำตอบที่จะสรุปใน 'Instrumentum laboris' และจะเผยแพร่แก่สาธารณชนในวันที่ 19 มิถุนายน 2012 "
“เอกสารอื่นที่มีความสำคัญในการตระเตรียมการเพื่อสมัชชาสภาพระสังฆาช... นอกจากคำสอนของสมเด็จพระสันตะปาปา ... สมณลิขิต 2 ฉบับได้แก่ 'Proprio Motu. ฉบับแรกคือ' Ubicumque et simper" ลงวันที่ 21 กันยายน 2010 โดยที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงก่อตั้งสมณกระทรวงเพื่อส่งเสริมการประกาศพระวรสารแบบใหม่. ส่วนฉบับที่สองชื่อ 'Porta Fidei' (ประตูแห่งความเชื่อ) ในวันที่ 11 ตุลาคม 2011 ที่พระองค์ทรงประกาศปีแห่งความเชื่อ "
3. การตระเตรียมด้านเทคนิคและการจัดองค์กร
"เนื่องจากบรรทัดฐานของสมัชชา ''Ordo Synodi Episcoporum', การประชุมสมัยสามัญของสมัชชาสภาพระสังฆราช, หัวหน้าเขตปกครองตนเอง 'sui iuris' ของพระศาสนจักรตะวันออกและสมณประมุขของคูเรียโรมัน เข้าร่วมประชุมประเภท “โดยตำแหน่ง” (ex officio) ในการประชุมสมัชชาของพระสังฆราช. นอกจากสมาชิกสมัชชาที่สมเด็จพระสันตะปาปาแต่งตั้งแล้ว, สมาชิกสมัชชาอื่นๆได้รับเลือกตั้งโดยสภาพระสังฆราชระดับประเทศและโดยเขตปกครองตัวเองของพระศาสนจักรตะวันออกถ้ามีจำนวนพระสังฆราช 25 องค์ และโดยสมาพันธ์ของมหาธิการิณีและอัครธิการ ที่มีสิทธิเลือกสมาชิก 10 ท่าน”
4. การมีส่วนร่วมในการประชุมสมัชชาพระสังฆราช
"การประชุมสมัยสามัญของสมัชชาสภาพระสังฆราชครั้งที่สิบสาม จะมีผู้เข้าร่วมประชุม 262 องค์ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของการประชุมสมัชชาพระสังฆราช. มาจากยุโรป103 องค์,จากอเมริกา 63 องค์จาก, จากแอฟริกา 50 องค์จาก, จากเอเชีย 39 องค์และจากโอเชียเนีย 7 องค์. ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ ได้รับเลือก 182 องค์, จากสภาพระสังฆราช 172 องค์, จากสหภาพของมหาธิการิณีและอัคราธิการ 10 ท่าน. และ หัวหน้าเขตปกครองตนเองของพระศาสนจักรตะวันออก 3 ท่าน. ส่วนคนอื่นๆ นั้น เข้าร่วมประชุม “โดยตำแหน่ง” 37 ท่านและ 40 ท่านที่ได้รับการแต่งตั้งโดยสมเด็จพระสันตะปาปา"
"สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ทรงแต่งตั้ง William Wuerl, พระอัครสังฆราช แห่งวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา และ Archbishop Pierre-Marie Carre, พระอัครสังฆราชแห่ง Montpellier ประเทศฝรั่งเศสในฐานะเลขาธิการพิเศษ. พระองค์ทรงแต่งตั้งตัวแทนประธาน 3 ท่าน ได้แก่ พระคาร์ดินัล John Tong Hon, พระสังฆราชฮ่องกง,ประเทศจีน, พระคาร์ดินัล Ortega, พระอัครสังฆราชแห่ง Guadalajara ประเทศเม็กซิโก และพระคาร์ดินัล Laurent Monsengwo Pasinya พระอัครสังฆราชแห่ง Kinshasa, สาธารณรัฐคองโก. ยังมีผู้เชี่ยวชาญ 45 ท่าน ผู้เข้าฟังการประชุม 49 ท่าน ผู้แทนจากคริสตจักรและประชาคมของ
พระศาสนจักร 15 ท่าน และประชาคมพระศาสนจักรที่ยังไม่เป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิก ผู้ได้รับเชิญ 3 ท่าน และแขกรับเชิญพิเศษ 3 ท่าน : Frère Alois ผู้ก่อตั้งเทเซ่ Taize จากฝรั่งเศส; Rev. Lamar Vest ประธานสมาคมพระคัมภีร์แห่งสหรัฐอเมริกา และ เวอร์เนอร์ อาร์เบอร์ (Werner Arber) ศาสตราจารย์กิตติคุณของภาควิชาจุลชีววิทยาที่มหาวิทยาลัย Basel สวิสเซอร์แลนด์ และประธานฝ่ายวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ของสันตะสำนัก"
5 เหตุการณ์สำคัญ
"สมณกระทรวง 23 แห่ง และกลุ่มทำงานจะทำกำหนดการ. เลขาธิการและวิทยากรจะจัดส่งรายงานเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม. ในช่วงการประชุมภาคบ่ายตัวแทนของสภาพระสังฆราชจาก 5 ทวีปจะกล่าวสุนทรพจน์สั้น ๆ ชี้แจงถึงวิธีที่พระศาสนจักรท้องถิ่นมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับหัวข้อของสมัชชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปของพวก"
ในช่วงการประชุมภาคบ่ายของวันที่ 9 ตุลาคม, พระคาร์ดินัล Marc Ouellet P.S.S., สมณมนตรีแห่งสมณกระทรวงเพื่อพระสังฆราช จะนำเสนอ เกี่ยวกับการรับรองพระดำรัสเตือน 'Verbum Domini', เป็นพระดำรัสเตือนของการประชุมสมัยสามัญครั้งที่ 20 ของการประชุมสมัชาครั้งที่ 20 ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2008 "
"วันที่ 10 ตุลาคม His Grace Rowan Williams อัครสังฆราชแห่งแคนเทอร์เบอรี่และประมุขของนิกายแองกลิกัน จะกล่าวถึงร่างการเข้าถึงนิกายแองกลิกันต่อการท้าทายของการประกาศพระวรสารแบบใหม่สำหรับถ่ายทอดความเชื่อคริสตชน"
"ในบ่ายวันที่ 12 ตุลาคม Werner Arber ศาสตราจารย์กิตติคุณของจุลชีววิทยาที่มหาวิทยาลัยภาควิชาจุลชีววิทยาที่มหาวิทยาลัย Basel สวิสเซอร์แลนด์ และประธานฝ่ายวิชาการด้านวิทยาศาสตร์ของสันตะสำนัก, จะพูดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์และความเชื่อ"
"ในช่วงพิธีบูชาขอบพระคุณวันที่ 11 ตุลาคม พระอัยกา Ecumenical Patriarch Bartholomew จะเป็นประธานในพิธีร่วมกับสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 และทุกคนที่ร่วมพิธีทั้งหมดจะร่วมพิธีเปิดปีแห่งความเชื่อ”
"ในการเริ่มงานของพวกเขา, ผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาพระสังฆราช จะเลือก “คณะกรรมการของสาร” ประกอบด้วยสมาชิก 12 ท่าน. สมเด็จพระสันตะปาปาทรงแต่งตั้งประธานและเลขาธิการ (ตามลำดับ Archbishop Claudio Maria Celli, ประธานสภาสันตะสำนักเพื่อการคมนาคมด้านสังคม, and Archbishop Luis Antonio G. Tagle of Manila, Philippines) และจะแต่งตั้งสมาชิกอีกสองท่านอีก ขณะที่สมัชชาพระสังฆราชเลือกตั้ง 8 ท่าน”
"วิธีการของสมัชชาพระสังฆราช ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาทรงเปลี่ยนแปลง ในปี 2005, ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงส่วนที่เป็นแก่น, พระสังฆราชในสมัชชาแต่ละท่านจะใช้เวลาพูด 5 นาทีระหว่าง
สมณกระทรวง, แต่ระหว่างการพูดแบบเปิดกว้างในการประชุมช่วงบ่าย (จาก 18.00 น. – 19.00 น. ) พวกเขาจะพูดไม่เกินสามนาที เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมในการอภิปราย. สุนทรพจน์โดยผู้แทนนิกาย ผู้เชี่ยวชาญและผู้เข้าฟังจะพูดไม่เกิน 4 นาที "