แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

15927645901443

ข้อคิดข้อรำพึง

สมโภชปัสกา พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ

 

“เช้าตรู่วันต้นสัปดาห์ ขณะที่ยังมืดอยู่ มารีย์ชาวมักดาลาออกไปที่พระคูหา” นักบุญยอห์นผู้เขียนพระวรสารตอนนี้ ต้องการเน้นให้เห็นว่านี่เป็นวันใหม่ สัปดาห์ใหม่ สิ่งสร้างใหม่ โดยถ้าเราย้อนไประลึกถึงการสร้างในหนังสือปฐมกาลแล้ว จะพบว่าพระเจ้าทรงสร้างสรรพสิ่งจากความว่างเปล่า โดยพระวจนะของพระองค์ โดยลมหายใจ(=พระจิต)ของพระองค์ ทรงสร้างแสงสว่างในวันแรก ทรงสร้างสิ่งต่างๆ และทรงสร้างมนุษย์ในวันที่หก วันที่เจ็ดพระเจ้าทรงเสร็จงานทั้งสิ้นของพระองค์ พระเจ้าทรงพักจากงานทั้งสิ้นของพระองค์

 

เหตุการณ์ขณะนั้น พระเยซูเจ้าทรงสิ้นพระชนม์ คนกลุ่มเล็กๆ ร้องไห้ที่เชิงกางเขน ชายสองคนรับมาจัดการพระศพก่อนใกล้ค่ำ แล้วนั้นก็เป็นวันสับบาโต วันที่เจ็ด พระเยซูเจ้าทรงพักผ่อนอยู่ในคูหาที่หนาวเย็น

 

บัดนี้ แม้ยังมืดอยู่ แต่เป็นวันแรกของสัปดาห์ เป็นวันใหม่ สัปดาห์ใหม่ สิ่งสร้างใหม่ ตาที่ฉ่ำไปด้วยน้ำตาของมารีย์ชาวมักดาลาที่พระคูหามองเข้าไปในนั้น เธอไม่เห็นพระศพของพระองค์แล้ว เขานำพระองค์ไปแล้ว และไม่รู้ว่าเขานำพระองค์ไปไหน

 

ต่อไปนี้ เป็นฉากวิ่งที่ปรากฏมากที่สุดในพระวรสาร มารีย์วิ่งไปหาซีโมนเปโตรกับศิษย์ที่ทรงรักเพื่อแจ้งข่าวพระศพที่หายไป ศิษย์ทั้งสองวิ่งไปที่พระคูหา เมื่อทั้งสองไปถึงแล้วจึงเข้าไปในพระคูหา เห็นผ้าพันพระศพวางอยู่บนพื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรพับแยกวางไว้อีกที่หนึ่ง นอกนั้นคูหาว่างเปล่า ใครก็ตามที่คิดจะมานำพระศพไปคงจะพบกับความยุ่งยากอย่างมากในการถอดผ้าที่พันพระศพ เพราะเป็นงานที่ยากมากพอควร แล้วใครในโลกที่จะทำอย่างนั้น ทั้งสองมองดูร่องรอยแล้วดูเหมือนไม่มีใครจับพระศพยกขึ้นมาถอดผ้าพระศพออก แต่เหมือนพระกายนั้นหายไปเฉยๆ คงเหลือไว้แต่ผ้าที่พันพระกาย เหมือนกับซากลูกโป่งที่เอาอากาศออกไป (นักโบราณคดีได้พบคูหาแบบเดียวกันนี้ ฝังศพไว้ราวศตวรรษแรกๆ ประมาณปี ค.ศ.66-70 คูหานี้อยู่เยื้องไปทางทิศใต้ของคูหาที่เชื่อกันว่าเป็นที่ฝังของพระเยซูเจ้า มีผ้าพันศพอยู่ในแบบที่บรรยายมานี้และมีกองกระดูกอยู่ข้างในผ้าที่ยังห่อหุ้มอยู่)

 

และมาถึงเวลาที่สำคัญสำหรับสานุศิษย์ หนุ่มคนนั้น คนที่พระเยซูเจ้าทรงรัก เกิดความคิดที่พวยพุ่งขึ้นมาเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แรกทีเดียวคิดว่ามีบางคนมานำพระศพไป โดยถอดผ้าพันออกก่อน ทันใดนั้นก็คิดว่ามันดูโง่เขลาและไม่สมเหตุสมผล มีบางสิ่งใหม่แทรกเข้ามาในความคิด เป็นอำนาจการสร้างสรรค์ของพระเจ้าที่จุดประกายขึ้นมาในเวลานั้น มันเป็นความรู้สึกที่ต่างออกไป คล้ายๆ กับการตกหลุมรัก คล้ายๆ แสงอาทิตย์ที่ขึ้นมา คล้ายๆ กับเสียงของฝนที่หยดลงบนพื้นดินที่แห้งแล้งมาเป็นเวลายาวนาน คล้ายๆ กับเป็นความเชื่อ ใช่แล้ว เขาเคยเชื่อมาก่อนว่า พระเยซูเจ้าเป็นพระเมสสิยาห์ เคยเชื่อว่าพระเจ้าทรงส่งพระองค์มา เชื่อว่าพระองค์เป็นคนของพระเจ้า สำหรับประชากรของพระองค์และโลกของพระองค์ นี่แหละ “เขาได้เห็นและได้เชื่อ“ เชื่อว่าสิ่งสร้างใหม่ได้เริ่มขึ้นแล้ว เชื่อว่าโลกนี้ได้เปลี่ยนจากฤดูหนาวที่ยาวนานมาเป็นฤดูใบไม้ผลิในที่สุด เชื่อว่าพระเจ้าได้ตรัสคำว่า “ใช่” กับพระเยซูเจ้า ในทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเป็นและได้ทำมา เชื่อว่าพระเยซูเจ้าทรงมีชีวิตอีกครั้ง

 

พวกเราเช่นกัน จงมีความเชื่ออย่างเต็มเปี่ยมเช่นเดียวกับนักบุญยอห์นผู้นิพนธ์พระวรสารว่า

 

พระเยซูเจ้าทรงกลับฟื้นคืนพระชนมชีพแล้ว อัลเลลูยา อัลเลลูยา อัลเลลูยา

 

(คุณพ่อ วิชา หิรัญญการ เขียนลงสารวัดพระกุมารเยซู

Based on : John for Everyone, Part Two ; by :Tom Wright)

15927644895923 15927645568382