แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

souls from purgatory

มีวิญญาณในไฟชำระมาหาคนในโลกนี้จริงหรือไม่ (โดย Hannah Brockhaus)

มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆ แห่งหนึ่งในกรุงโรม ตั้งอยู่นอกนครรัฐวาติกัน ได้จัดแสดงสิ่งของต่างๆ แบบธรรมดา เช่น หนังสือสวดภาวนาและอาภรณ์ต่างๆ ซึ่งแต่เดิมพิพิธภัณฑ์มิได้มีเป้าหมายที่จะอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระ    

เหตุการณ์ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่งท่านตั้งข้อสังเกตว่าของแต่ละสิ่งที่นำมาแสดงนั้นเป็นเครื่องหมายของผู้ล่วงลับ เช่น รอยนิ้วมือไหม้ที่ปรากฏให้เห็นอย่างอธิบายไม่ได้ เพื่อมาขอคำภาวนาต่อบุคคลที่รักจากไฟชำระ  

พิพิธภัณฑ์แห่งวิญญาณในไฟชำระนี้ตั้งอยู่ภายในวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้าที่เมืองปราตี ใกล้กับปราสาทซานตันเจโล ภายในพิพิธภัณฑ์บรรจุสิ่งที่เป็นหลักฐานและวัตถุต่างๆ ประมาณ 15 อย่างที่รวบรวมได้จากทวีปยุโรปโดยพระสงฆ์ชาวฝรั่งเศสชื่อ วิคตอร์ โจเวท    

ในหลายๆ กรณีก็เชื่อกันว่าเครื่องหมายเหล่านี้ถูกแสดงไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่าผู้ล่วงลับได้ปรากฏตัวขึ้นจริงเพื่อมาขอคำภาวนาและขอให้ถวายพิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับวิญญาณของพวกเขา    

หลักฐานสำคัญอย่างหนึ่งในพิพิธภัณฑ์นี้ก็คือ รอยนิ้วมือของซิสเตอร์มารีย์ แห่งนักบุญหลุยส์ คอนซากา ที่ถูกประทับตราไว้บนปลอกหมอน เมื่อซิสเตอร์ได้ไปหาซิสเตอร์มาร์การีตาแห่งพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ ในคืนหนึ่งหลังจากที่ท่านได้สิ้นใจไปแล้วในปี ค.ศ. 1894   

การปรากฏมานี้ได้ถูกบันทึกไว้ในจดหมายเหตุของอารามนักบุญคลารา แห่งพระกุมารเยซู ที่เมืองบัสเตีย ประเทศอิตาลี ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่ซิสเตอร์มารีย์ได้บอกกับซิสเตอร์มาร์การีตาว่า ท่านต้องไปอยู่ในไฟชำระเพื่อชดเชยบาปแห่งการขาดความอดทนในการยอมรับพระประสงค์ของพระเจ้า    

อีกหลักฐานหนึ่งคือ หนังสือภาวนาของมารีย์ ซากันตี ซึ่งแสดงให้เห็นรอยนิ้วมือสามนิ้วของเพื่อนที่ชื่อ ปาลมีรา รัสเตลลี ผู้ซึ่งได้สิ้นชีวิตไปแล้วในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 1871 ท่านเป็นน้องสาวของพระสงฆ์เจ้าวัดที่มีนามว่าบาทหลวงซานเต รัสเตลลี ท่านนี้ได้ปรากฏมาหาเพื่อนคนนี้เพื่อขอให้พี่ชายของท่านถวายพิธีบูชาขอบพระคุณให้แก่ท่าน     

อีกเหตุการณ์หนึ่งคือ มีรอยนิ้วมือที่ไหม้ของโยเซฟปรากฏอยู่ในหนังสือภาวนาภาษาเยอรมันของจอร์จ ชิทซ์ ซึ่งเป็นพี่ชายของท่านในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 1838 เพื่อขอคำภาวนาชดเชยบาปที่ท่านได้ขาดความศรัทธาขณะเมื่อยังมีชีวิตอยู่      

พิพิธภัณฑ์แห่งวิญญาณในไฟชำระแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1897 โดยบาทหลวงวิคตอร์ โจเวท มิชชันนารีแห่งคณะพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ บาทหลวงโจเวทได้เป็นผู้ตั้งคณะพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์แห่งการใช้โทษบาปสำหรับวิญญาณในไฟชำระ ได้มีการใช้วัดเดิมของคณะนี้ในระหว่างปี ค.ศ. 1896-1914 ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโรมตรงที่ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของวัดพระหฤทัยศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้านั่นเอง       

ในปี ค.ศ. 1897 วัดได้ถูกไฟไหม้ บาทหลวงโจเวทจึงรีบเข้าไปในวัด ทันใดนั้นท่านเห็นภาพใบหน้าคนที่มีลักษณะเศร้าหมองและหดหู่ปรากฏอยู่ที่บนกำแพงหลังพระแท่น ท่านเชื่อว่าเป็นภาพวิญญาณของผู้ที่ได้สิ้นใจไปแล้วและพยายามมาติดต่อกับผู้ที่ยังอยู่บนแผ่นดินนี้    

หลังจากเหตุการณ์นี้ บาทหลวงจึงได้ตัดสินใจที่จะสร้างพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้แก่ร่อยรอยแห่งการปรากฏมาของวิญญาณในไฟชำระ ท่านได้เดินทางไปแถบทวีปยุโรปและประเทศอิตาลีเพื่อรวบรวมสิ่งที่ปรากฏและหลักฐานร่องรอยต่างๆ     

บาทหลวงโจเวทได้เก็บรวบรวมวัสดุทุกชิ้นส่วนในพิพิธภัณฑ์นี้จากบุคคลคนเดียวกันที่ได้สัมผัสกับภาพนิมิต รวมทั้งภาพของบุรุษที่ได้เห็นในวัดก็ได้พบจากที่นั่นด้วยเช่นกัน     

ในขณะที่บาทหลวงโจเวทเดินทางไปตามที่ต่างๆ ท่านก็ได้ขอรับบริจาคเงินสำหรับสร้างวัดไว้ที่ข้างๆ วัดน้อยที่ซึ่งท่านได้รับสาส์นให้สร้างวัดนี้จากในฝันนั่นเอง     

นอกนั้น ในพิพิธภัณฑ์ยังมีภาพร่องรอยอื่นอีก เช่น ภาพพิมพ์ของมือและกางเขนของผู้ล่วงลับที่มีนามว่า บาทหลวงปันซีนี ซึ่งประทับอยู่บนโต๊ะไม้ของคารวียะคลารา อิสซาเบล ฟอร์มารี อธิการิณีของอารามคณะคลาริสของนักบุญฟรังซิสที่เมืองโทดี ในประเทศอิตาลี ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1731  

ที่นั่นยังมีสำเนาธนบัตรอิตาเลียนจำนวน 10 ลีร์ เป็นหนึ่งฉบับในจำนวนสามสิบฉบับซึ่งบาทหลวงที่ได้สิ้นชีวิตไปแล้วได้มอบไว้ให้แก่อารามนักบุญเลโอนาร์โด แห่งมอนเตฟาลโค ในช่วงระหว่างวันที่ 18 สิงหาคมและ 9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1919 อีกด้วย   

เรื่องราวต่างๆ นี้สอดคล้องกับคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิกที่ว่า บรรดาผู้ที่ได้ไปสวรรค์แล้ว คือ “ผู้ที่ได้ตายในพระหรรษทานและมิตรภาพกับพระเจ้า และผู้ที่ได้รับการชำระชีวิตอย่างสมบูรณ์แล้ว ย่อมมชีวิตกับพระคริสตเจ้าตลอดนิรันดร”   

วิญญาณเหล่านั้นที่ไปยังนรก คือผู้ที่ได้เลือกทำบาปหนักด้วยใจอิสระของตน พวกเขา “ต้องถูกแยกตนเองออกจากความสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าและกับบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย”    

ไฟชำระคือ สภาวะซึ่งบรรดาวิญญาณที่ได้สิ้นชีวิตในมิตรภาพกับพระเจ้าจะต้องอยู่ เนื่องจากยังไม่ได้รับการชำระอย่างสมบูรณ์ ไฟชำระคือสภาวะของผู้ซึ่ง “เมื่อตายแล้วยังต้องรับการชำระเพื่อรับความศักดิ์สิทธิ์ที่จำเป็น เพื่อจะเข้าในความยินดีแห่งเมืองสวรรค์ได้” วิญญาณเหล่านี้ได้รับประกันความแน่นอนที่จะได้เข้าในประตูสวรรค์ หลังจากที่ได้รับการชำระเสร็จสิ้นแล้ว    

พระศาสนจักรสอนว่า บรรดาวิญญาณในไฟชำระรอรับคำภาวนาจากวิญญาณที่ยังคงอยู่ในโลกนี้เพื่อบรรเทาความทุกข์ทรมานชั่วคราวของพวกเขา และเพื่อเร่งให้การเดินทางสู่สวรรค์ของพวกเขานั้นรวดเร็วยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน บรรดาวิญญาณในไฟชำระก็สามารถภาวนาสำหรับผู้ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ด้วยเช่นกัน 

 

(บทความนี้ได้เคยพิมพ์เผยแพร่แล้วใน CNA ฉบับวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2016)    

(ที่มา https://www.catholicnewsagency.com/news/34863/have-souls-in-purgatory-visited-people-on-earth)

1927045 800x600 Screenshot 2334