แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

6b77c2c8c022f50e559fae2dab8aa384บทที่ 5 : การเดินทางไปสู่พระเจ้า
    การเป็นครูคำสอนนั้นมีสิ่งที่ทำให้รู้สึกอัศจรรย์ใจอยู่เสมอ สิ่งแรกคือการไม่ทำงานอย่างโดดเดี่ยว ท่านจะมี “เพื่อนร่วมเดินทาง” มากมาย กลุ่มแรกคือบรรดาผู้เรียนคำสอนนั่นเอง “ผู้ร่วมทาง” คือบุคคลที่เราจะแบ่งปันอาหารร่วมกัน ทั้งครูคำสอนอื่นและผู้เรียนคำสอนล้วนเป็นผู้ร่วมเดินทางของเราในการแสวงหาพระเจ้า เราทุกคนจึงกลายเป็นอาหารสำหรับกันและกันซึ่งช่วยหล่อเลี้ยงให้แต่ละคนมีพลังที่เข้มแข็ง นี่จึงเป็นประเด็นที่ทำให้เรารู้สึกชื่นชมยินดี   
    ชีวิตการเป็นครูคำสอนนั้นทำให้เราเป็นผู้จาริกแสวงบุญตัวจริง เป็นการจาริกสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี้ด้วยการเปลี่ยนแปลงตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ด้วยความคิดที่ว่าเราคือผู้บรรลุถึงเป้าหมายแล้ว งานของเราเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการเดินทางสู่พระเจ้า ที่ซึ่งเราแต่ละคนเป็นดังอาหารสำหรับผู้อื่นในเส้นทางนี้    

การสอนคือพันธกิจ

    คำว่า “พันธกิจ” มีหลายคำจำกัดความ แต่ทุกคำล้วนมีลักษณะดังต่อไปนี้คือ “เป็นการทำบางสิ่งบางอย่างในที่สาธารณะเพื่อให้พระอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงและเพื่อประโยชน์ของหมู่คณะ นี่คือพระพรที่มีเอกลักษณ์และโครงสร้างเฉพาะของตนเอง” การสอนคำสอนเป็นพันธกิจเพราะเป็นงานที่เข้าหลักเกณฑ์ต่อไปนี้

1. เป็นการสอนในที่สาธารณะ  
การสอนเป็นงานสาธารณะเสมอซึ่งช่วยให้ผู้เรียนได้เห็นถึงความมั่งคั่งของคลังข้อความเชื่อคริสตชน เห็นถึงการกระทำของพระเจ้าในชีวิตของมนุษย์และวิธีที่มนุษย์สัมพันธ์กับพระเจ้า กับตนเองและกับสิ่งสร้างทั้งหมด การปฏิบัติศาสนานั้นกระทำในหมู่คณะคริสตชน  
2. เป็นการสอนเนื้อหาเพื่อต้อนรับการมาถึงของพระอาณาจักรของพระเจ้า 
เนื้อหาหลักที่สำคัญนี้จะช่วยติดปีกให้กับผู้เรียนไปยังจุดที่เขาสามารถเปลี่ยนโครงสร้างและสภาพชีวิตเพื่อให้พระยุติธรรมของพระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่ง  
3. เป็นการสอนที่นำประโยชน์สู่หมู่คณะ 
คนส่วนใหญ่มักใช้ชีวิตประจำวันแบบธรรมดาๆ และไม่คิดจะเปลี่ยน แต่ครูคำสอนถูกเรียกให้มองเห็นความไม่ธรรมดาในสิ่งปกติธรรมดา คือชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าประทับอยู่ในโลก เป็นผู้ที่สามารถช่วยให้ผู้เรียนคำสอนเติบโตในความเชื่อต่อพระเจ้าได้
4. เป็นพระพรพิเศษที่มีเอกลักษณ์และโครงสร้างเฉพาะของตนเอง  
ครูคำสอนคือผู้ตั้งใจเตรียมการสอนและสอนอย่างดีที่สุด ด้วยการมุ่งสู่จุดประสงค์ของแต่ละคาบเรียน ทั้งนี้เพื่อบรรลุถึงความดีของหมู่คณะและในนามของหมู่คณะ  

ความยินดีของครูคำสอน
เล่าจากเรื่องจริง
    ผู้เขียนได้เล่าเรื่องจากประสบการณ์ในชีวิตของท่านเกี่ยวกับความชื่นชมยินดีของการเป็นครูคำสอนว่า ครั้งหนึ่งในการอบรมครูคำสอน ท่านได้มีโอกาสพบกับครูคำสอนท่านหนึ่งชื่อว่าเวนดี้ซึ่งเคยเป็นศิษย์ของท่าน คุณเวนดี้ได้ทำงานเป็นครูคำสอนมากว่า 20 ปี ดูเธอเป็นคนที่เต็มด้วยชีวิตชีวาและมีความสุขกับงานที่ทำอยู่เป็นอย่างมาก เธอมีลูกสาวคนหนึ่งชื่อเมริสซา ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษาและกำลังหางานทำ ซึ่งเมริสซาก็ได้มาร่วมรับอบรมในวันนั้นด้วย
    เวนดี้ได้แนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเมริสซาพร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าเมริสซาได้ละทิ้งความคิดที่จะหางานด้านธุรกิจแต่ได้มาสมัครเป็นครูคำสอนด้วย โดยที่เมริสซาได้แบ่งปันว่า เธอตัดสินใจทิ้งงานธุรกิจอื่นทั้งหมดและตัดสินใจเลือกเป็นครูคำสอนแม้ว่าจะไม่มีเงินเดือนประจำก็ตาม เพราะประทับใจในภาพของแม่เวนดี้ที่เธอได้เห็นมาตั้งแต่เล็ก เวนดี้ได้ทำให้เมริสซาเห็นว่าเขามีความสุขมากกับการเป็นครูคำสอน เขาไปทำงานด้วยความกระตือรือร้นแม้จะต้องมีภาระงานบ้านและเลี้ยงลูกไปพร้อมกันก็ตาม ภาพชีวิตของแม่เวนดี้นี่เองที่เป็นแรงบันดาลใจให้แก่เมริสซา
    นี่คือความปิติยินดีของการเป็นครูคำสอน

พันธกิจและกระแสเรียก
    เราทุกคนถูกเรียกให้เจริญชีวิตบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีหลากหลายหนทาง การเป็นครูคำสอนเป็นพระพรเพราะทำให้เรามีความสุขในการรับใช้พระเจ้าและประชากรของพระองค์ เป็นคำสัญญาเพราะนำความหวังที่ไม่หลอกลวงให้แก่ประชากรนี้ เพื่อให้ความรักของพระเจ้าเติมเต็มจิตใจของเราด้วยพระจิตเจ้า (เทียบ รม. 5:5)  และเป็นสิ่งที่เรียกร้องเพราะเราต้องทำงานอย่างหนัก เหมือนกำลังวิ่งสู่เส้นชัยเสมอ เป็นการแข่งขันที่ไม่มีวันจะบอกได้ว่าไปถึงเส้นชัยแล้ว เพื่อไปรับรางวัลที่พระเจ้าจะมอบให้แก่เราโดยทางพระเยซูคริสตเจ้า (เทียบ ฟป. 3:13-14)

------------------------------------------------------------
คำถามเพื่อการไตร่ตรอง
+ การทราบว่าคุณได้มีส่วนร่วมในพันธกิจของชุมชนคริสตชน มีความหมายอะไรสำหรับคุณบ้าง?
+ คุณรู้สึกอย่างไรกับการที่ได้ตระหนักว่า ในหลายศตวรรษที่ผ่านมามีหลายคนได้ทำงานด้านคำสอนเช่นเดียวกับคุณ และบัดนี้คุณได้เป็นผู้ดำเนินการรักษาธรรมประเพณีของพันธกิจนี้ต่อไปท่ามกลางประชากรของพระเจ้า?
ให้พิจารณาว่าวิธีการเหล่านี้สามารถช่วยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคุณเอง (ครูคำสอน) ในหนทางแห่งการเดินทางสู่พระเจ้าได้อย่างไรบ้าง?
+ โดยการให้ความหวังแก่ตัวเอง
+ โดยความเชื่ออันลึกซึ้งของคุณ
+ โดยการให้ความยินดีแก่ตนเอง
+ โดยวิธีอื่นๆ ..........................

------------------------------------------------------

บทสรุป
    ขณะที่เรากำลังมุ่งสู่สหัสวรรษที่สามนี้ ครูคำสอนกำลังสร้างอนาคตด้วยการฟื้นฟูหมู่คณะคริสตชน เราทำงานโดยมั่นใจว่าพระสัญญาของพระเจ้านั้นเชื่อถือได้ ซึ่งจะเติมเต็มเราด้วยความมั่นใจในอนาคต 
    ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นคงด้านเศรษฐกิจ ในสังคมที่ชุ่มฉ่ำด้วยลัทธิวัตถุนิยมและความอยุติธรรม เราที่เป็นครูคำสอนก็ยังคงเฉลิมฉลองชีวิตและกระแสเรียกของเรา ยังคงนมัสการพระเจ้า ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณและฤทธานุภาพ ทรงเป็นปังแห่งชีวิตที่เลี้ยงดูจิตใจที่หิวโหยของเรา
    เรามีหน้าที่ช่วยสร้างสรรค์โลกใหม่ ขอให้การจาริกไปของเราเต็มไปด้วยความชุ่มฉ่ำแห่งความเชื่อและความหวัง ดังพระดำรัสของพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ว่า
พระเจ้าข้า โปรดฟื้นฟูความมหัศจรรย์ในชีวิตของเรา
และประทานเปนเตกอสเตใหม่ให้แก่เรา อาแมน

--------------------------------------------------------

บทภาวนาของครูคำสอน
ข้าแต่พระเจ้าผู้ทรงพระเมตตา พระองค์ทรงอยู่เหนือจินตนาการของลูก
แต่ลูกทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นี่กับลูกเสมอ
โปรดประทับอยู่กับลูกขณะที่สอนคำสอนแก่เด็กๆ
โปรดทรงเติมจิตใจของลูกให้เต็มด้วยพระจิตของพระองค์
เพื่อลูกจะได้ซื่อสัตย์ต่อพระวาจาของพระองค์เสมอ
โปรดประทานกำลังใจที่จะประกาศถึงความรักของพระองค์
ทั้งในยามชื่นชมยินดีและยามทุกข์ใจ
ข้าแต่พระจิตเจ้า โปรดอวยพระพรแก่บรรดาผู้เรียนคำสอนทุกคน
เพื่อพวกเขาจะได้รับของประทานจากพระองค์ด้วยความรู้คุณ
โปรดให้พวกเขาเปิดใจรับความมหัศจรรย์และตระหนักในความรักของพระองค์
เพื่อว่า เมื่อได้เกิดเป็นภาพลักษณ์ของพระองค์แล้ว
พวกเขาจะได้สะท้อนถึงพระหรรษทานของพระองค์
ลูกวอนขอทั้งนี้ในพระนามของพระเยซูคริสตเจ้า อาแมน