แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

พระเยซูเจ้าทรงก้มลง
ยอห์น 8:1-11
    เมื่อพวกธรรมาจารย์และฟาริสีนำหญิงคนหนึ่งที่ทำบาปมาทดลองพระเยซู  พระเยซูเจ้าไม่ได้ทรงตรัสอะไรกับพวกเขาเลย  แต่ทรงก้มลงเอาพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน  เราไม่เข้าใจว่าทำไมพระองค์จึงทรงทำอย่างนั้น  ทำไมไม่ทรงตอบโต้อะไรอย่างที่ทรงทำบางครั้ง  แต่สิ่งหนึ่งที่เราพอจะมองเห็นก็คือ  ความเมตตาที่ทรงมีต่อผู้หญิงและคนบาป
    ลองนึกภาพของหญิงคนนั้นในเวลานั้นดู  เขาคงจะกลัวจนตัวสั่นและคงจะรู้สึกอับอายมากด้วย  พระเยซูไม่ทรงปรารถนาจะเพิ่มความกลัวและความอายให้เธออีก  ถ้าพระองค์ทรงตอบโต้กับคนเหล่านั้นและเงยหน้าขึ้นมองดู  ความกลัวความอับอายคงจะทวีคูณขึ้น

    ในที่สุดเมื่อทุกคนละที่นั้นไป  พระองค์จึงทรงเงยหน้าขึ้นพูดคุยกับเธอ  ไม่ได้ทรงถามหาสาเหตุว่าทำไมจึงทำผิดบาป  แต่ตรัสว่า  “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย  ไปเถิดและตั้งแต่นี้ไปอย่าทำบาปอีก”  พระเยซูไม่ทรงตำหนิต่อว่า  หรือตอกย้ำความผิดบาปของคนบาป  เพราะทรงเข้าใจดีถึงความอ่อนแอของคนบาป  ทรงทราบและเข้าใจดียิ่งกว่าตัวคนบาปเองเสียอีก  เพราะฉะนั้นพระองค์จึงไม่ทรงถามรื้อฟื้นสิ่งที่ผ่านไปแล้วแต่อย่างไร
    ด้วยความเข้าใจและความเมตตา  พระเยซูทรงให้อภัยบาปแก่หญิงคนนั้นโดยที่เธอยังไม่ได้เอ่ยปากทูลขอการทรงอภัย  และทันทีที่ทรงอภัยให้  การกลับใจก็บังเกิดขึ้นในจิตใจของเธอ  เป็นความจริงที่ว่าพระเจ้าทรงอภัยบาปแก่เราก่อนที่เราจะทูลขอ  วิถีของพระเจ้าต่างไปจากวิถีของโลก  ในโลกนี้ถ้ามีใครทำผิด  เราจะยกโทษให้เขาก็ต่อเมื่อเขากลับใจและขอโทษเราก่อน  แต่สิ่งที่พระเยซูเจ้าทรงทำต่างไปจากสิ่งที่มนุษย์ทำ  ทรงก้มหน้าไม่มองดูบาปต่างๆ ของเรา  ไม่ทรงปรารถนาจะมองดูหน้าตาที่เต็มด้วยบาปของเรา  รวมทั้งไม่ทรงปรารถนาที่จะถามย้ำเตือนถึงบาปของเรา  ไม่ทรงถามว่าทำไมทำบาป  พระองค์เพียงแต่ตรัสกับเราด้วยความเมตตาเห็นใจว่า  “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย  ไปเถิด  และตั้งแต่นี้ไปอย่าทำบาปอีก”
    เพราะฉะนั้น ในพิธีบูชาขอบพระคุณ  เราทั้งหลายจึงสวดภาวนาต่อพระเจ้าว่า  “ขอทรงโปรดอย่าทรงถือโทษข้าพเจ้า  แต่ทอดพระเนตรดูความเชื่อของพระศาสนจักรด้วยเถิด”