ความสุขของพระเจ้า
มัทธิว 16:13-19
    เมื่อเปโตรทูลตอบว่า “พระองค์คือพระคริสตเจ้า  พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงชีวิต”  พระเยซูทรงบอกเขาว่า  “ซีโมน บุตรของยอห์น ท่านเป็นสุข” พระเยซูตรัสอวยพรซีโมนให้เป็นสุข  ความสุขที่ซีโมนมีเป็นความสุขที่ได้รับจากพระบิดา  ความสุขแท้เป็นความสุขที่บังเกิดจากพระเจ้า “เพราะไม่ใช่มนุษย์ที่เปิดเผยให้ท่านรู้แต่พระบิดาเจ้าของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงเปิดเผย”
    เมื่อพระนางมารีย์เสด็จไปเยี่ยมนางเอลีซาเบ็ธ  เอลีซาเบ็ธอวยพรพระนางว่า “เธอเป็นสุขที่เชื่อพระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”  (ลก.1:45)  และพระนางมารีย์ก็ตรัสว่า “ตั้งแต่นี้ไปชนทุกสมัยจะกล่าวว่าข้าพเจ้าเป็นสุข”  (ลก.1:48)  เพราะพระเจ้าประทานความสุขแก่พระนาง พระผู้ทรงสรรพานุภาพกระทำกิจการยิ่งใหญ่สำหรับข้าพเจ้า  (ลก.1:49)  นางเอลีซาเบ็ธสรรเสริญความเชื่อของพระนางมารีย์  แต่พระนางมารีย์ทรงสรรเสริญพระเจ้าที่ประทานพระคุณความเชื่อแก่นาง

    พระวรสารสอนเราให้เข้าใจว่าความสุขของพระแม่มารีย์และเปโตรล้วนบังเกิดจากพระเจ้า  พระเยซูตรัสใน  มัทธิว 5:3-13 ถึงความสุขที่แท้จริง ถ้าเราต้องการเข้าใจว่าความสุขแท้จริงบังเกิดจากพระเจ้า  ให้เราอ่านโดยเปลี่ยนคำว่า “เป็นสุข”  เป็นคำว่า “พระเยซู”  เมื่ออ่านอย่างนี้แล้ว  เราจะเห็นชัดว่า  พระเยซูทรงเคยรับความทุกข์ทรมาน  จะทรงประทานความสุขแท้จริงแก่ผู้ที่กำลังรับทุกข์ทรมาน
    ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นพระเยซู  ใจยากจนหมายถึงรู้ว่าตนเองขาดอะไร  อ่อนแอตรงไหน  เมื่อเข้าใจถึงความอ่อนแอของตน  ขาดความมั่นใจ  เราจะสวดภาวนาด้วยความหิวกระหาย  ความอ่อนแอสำหรับคริสตชนคือความยากจน  ซึ่งทำให้เราหิวกระหายพระเจ้า
    ที่พระเยซูตรัสว่า  ผู้มีใจยากจนย่อมเป็นสุข ไม่ได้หมายความว่า  พระเยซูปรารถนาหรือทรงยินดีที่มีคนยากจน  หรือคนถูกข่มเหงอยู่ในโลกนี้  แต่ทรงหมายถึงว่า  เมื่อไหร่ที่คนรู้และเข้าใจความอ่อนแอ  ความขัดสนของตน  พระเยซูจะทรงอยู่ในเขาและกระทำทุกอย่างแทนเขา
    ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า  พระเยซูทรงร้องไห้สองครั้ง แต่ทรงร้องไห้เพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตนเอง  น้ำตาเพื่อทุกคนเป็นน้ำตาที่เป็นสุข นักบุญเปาโล สอนไว้ในจดหมายถึงชาวโรม  ให้เราร้องไห้กับคนที่ร้องไห้  และยินดีกับคนที่ยินดี  เมื่อรู้สึกตัวว่าปฏิเสธพระเยซูสามครั้ง นักบุญเปโตร ร้องไห้  มารีย์ ชาวมักดาลา ร้องไห้เมื่อพระเยซูเสียชีวิต  ทั้งสองคนร้องไห้เพื่อพระเยซู ไม่ใช่เพื่อตนเอง
    พระเยซูไม่เคยทรงลืมผู้ที่ร้องไห้เพื่อพระองค์ หลังจากการฟื้นคืนชีพพระเยซูทรงปรากฏพระองค์ครั้งแรกแก่มารีย์  ตัวเราเองต้องแสวงหาน้ำตาที่เป็นสุข  ต้องร้องไห้เพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตนเอง
    ผู้มีใจอ่อนโยนย่อมเป็นสุข  พระเยซูตรัสว่าพระองค์ทรงมีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตน (มธ.5:5)  ผู้อ่อนโยนสามารถทำให้คนอื่นสงบลงได้โดยไม่ต้องพูดหรือทำอะไร
    ผู้หิวกระหายความชอบธรรมย่อมเป็นพระเยซู  ความปรารถนาของมนุษย์ไม่มีขอบเขตจำกัด  แต่มักเป็นไปเพื่อตัวเอง  ความปรารถนาสิ่งเดียวของพระเยซูก็ไม่มีขอบเจตจำกัดเช่นกัน  แต่พระองค์ทรงปรารถนาสิ่งเดียวคือความรัก  คนที่รักคนอื่น ยิ่งรักก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความรักไม่พอ  เช่น ถ้าเรารักใครสักคนเมื่อวานนี้พอถึงวันนี้เราจะบอกเขาได้หรือเปล่าว่า  วันนี้ไม่รักแล้ว  รักมาพอแล้ว  เราพออย่างนั้นไม่ได้  เพราะเราจะรักเขาต่อไปจนถึงวาระสุดท้าย  พระเยซูทรงกระหายความรัก  ไม่เคยทรงปฏิเสธคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากพระองค์
    ผู้มีใจเมตตาย่อมเป็นพระเยซู  ความเมตตาเปรียบได้กับความรู้สึกที่เกิดขึ้น  บางครั้งในเวลาที่เราเศร้ามากจนเมื่อกลืนอะไรไปก็จะเกิดอาการเจ็บลึกภายในช่องท้อง  พรเยซูทรงเป็นเช่นเดียวกันคือ  เมื่อทรงมองเห็นคนยากจน  คนทุกข์ยาก ก็ทรงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดลึกลงไปภายในจิตใจและปรารถนาจะช่วยคนเหล่านั้นให้พ้นจากความทุกข์  คำว่าเมตตานี้มีกล่าวไว้มากมายในพระคัมภีร์  และประธานของกริยาตัวนี้คือพระเยซู
    ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมเป็นสุข  ผู้มีใจบริสุทธิ์เปรียบได้กับน้ำสะอาดและเรามองเห็นทุกอย่างผ่านน้ำสะอาดได้  ผู้มีใจบริสุทธิ์ย่อมไม่ใช่คนหน้าซื่อใจคด  มีด้านเดียวที่เห็น  ไม่ใช่คนตีสองหน้า  พระเยซูทรงเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์  มนุษย์ดูร่างกายภายนอกแต่พระเป็นเจ้าทอดพระเนตรจิตใจคำสอนคริสตชนเน้นความบริสุทธิ์ภายในจิตใจ
    ผู้สร้างสันติย่อมเป็นพระเยซู  โลกนี้มีการเคลื่อนไหวเพื่อสันติภาพ แต่ดูเหมือนว่ายิ่งมีการเคลื่อนไหวยิ่งทำให้เกิดความวุ่นวาย  ความเครียดและชิงชังกัน  เพราะสันติภาพที่พวกเขาต้องการมีจุดประสงค์บางอย่างแฝงอยู่  คนที่มอบสันติให้แก่โลกได้ต้องเป็นคนที่มีสันติภายในตน พระเยซูทรงเป็นเช่นนั้น  ครั้งหนึ่งพระเยซูตรัสว่า  ทรงนำความแตกแยกไม่ใช่สันติ  เนื่องจากในสมัยนั้นมีคนคิดว่า  มีเงินใช้  มีอาหารกิน  ไม่มีสงคราม  ก็คือมีสันติแล้ว  จึงไม่สนใจคนยากจน  คนตาบอด  คนเจ็บป่วยใดๆ สำหรับพวกเขา สันติคือสภาพที่ปราศจากสงคราม  แต่พระเยซูไม่ปรารถนาสภาพอย่างนั้นจึงทรงนำความแตกแยกมา  เพราะสันติสำหรับพระองค์ไม่ใช่ชีวิตที่สะดวกสบาย  ไม่ใส่ใจกับความยากจนทุกข์ร้อนของผู้อื่น
    ผู้ถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรมย่อมเป็นพระเยซู  พระเยซูทรงถูกเบียดเบียนข่มเหงเพราะความชอบธรรม  ทรงดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระบิดา  และทรงกระทำด้วยความจริงใจ  ทรงถูกฆ่าบนกางเขนเพื่อความชอบธรรม  และเพราะทรงรับความทรมานมาแล้วมากมายจึงทรงเข้าใจและสามารถประทานความสุขแก่ผู้อยู่ในความทุกข์ได้
    ความสุขแท้จริงมาจากพระเยซู  พระวรสารตอนนี้บอกทางไปสู่ความสุขแท้จริง  เป็นหนทางที่พระเยซูทรงสอนเราให้เข้าใจและรู้ว่าถ้าเราทำตามลักษณะของผู้เป็นสุขทั้งแปดประการนี้ได้เราก็จะไปถึงความสุขนิรันดรได้
    ทำอย่างไรถึงจะมีความสุข  คำตอบมีอยู่ในมัทธิวบทที่  5  นั้นเอง