แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

การทดลองในพระศาสนจักร
ลูกา 5:1-11
A Miraculous Catch of Fish    "พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย"  คำพูดประโยคนี้เป็นของเปโตร ทำให้เราคิดถึงการทดลองเรื่องผลของพันธกิจที่เกิดขึ้นกับชาวคริสต์และพระศาสนจักร เพราะผลแท้จริงของพันธกิจพระศาสนจักรนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มนุษย์เรามักวัดความสำเร็จของงานด้วยผลที่เห็นได้  ถ้าตามองไม่เห็นเราก็คิดว่าไม่เกิดผลงาน งานไม่สำเร็จหรือผลงานเกิดผิดพลาด เรามักจะสร้างภาพของความสำเร็จขึ้นมาเองตามใจเรานึกคิด

    บางครั้งพระศาสนจักรก็เป็นเช่นนั้น ถ้าจำนวนผู้รับศีลล้างบาปทวีขึ้น พระศาสนจักรก็คิดว่าพันธกิจของพระศาสนจักรสำเร็จ แล้วตรงกันข้ามถ้าจำนวนผู้รับศีลล้างบาปน้อยหรือสัตบุรุษมาร่วมมิสซาน้อยก็ผิดหวัง ความรักมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเช่นไร ผลแท้ของพระศาสนจักรก็เป็นเช่นนั้น กว่าจะได้เก็บเกี่ยวผลของพันธกิจที่หว่านลงไปนั้นจำเป็นต้องใช้เวลา ทั้งๆที่เราสวดภาวนาที่ว่า พระประสงค์จงสำเร็จในแผ่นดินเหมือนในสวรรค์บ่อยๆ แต่บางทีเราเข้าไม่ถึงความหมายที่แท้จริงของคำสวดนั้น สิ่งสำคัญคือ เราต้องทราบว่าพระเจ้าทรงมีเวลาของพระองค์เอง ที่สำคัญเราต้องรู้ว่าพระเจ้าทรงมีเวลาขอบพระคุณ และคำตอบสนองของพระศาสนจักรต่อพระเยซูจึงน่าจะเป็นดังนี้คือ “แต่เมื่อพระองค์มีดำรัสข้าพเจ้าก็จะลงอวน”
    การรอคอยเวลาขอบพระคุณของพระเจ้าโดยไม่สิ้นหวัง ไม่หมดหวังต่างหากคือท่าทีประการสำคัญที่สุดของพันธกิจ พระเยซูเจ้าตรัสกับเราเสมอไปตลอดกาลว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด ” และภาระหน้าที่ของพระศาสนจักรคือ ตอบสนองการทรงเรียกร้องของพระเยซูด้วยความหวัง ไม่ใช่สิ้นหวัง
    ถ้าเราจะถามว่าชาวคริสต์เป็นคนอย่างไร คำตอบน่าจะเป็นว่าชาวคริสต์คือ คนที่มีความหวังอยู่ในใจเสมอ ไม่ว่าจะเผชิญความยากลำบากแค่ไหนก็ไม่หมดหวัง ไม่สิ้นหวังเพราะเราเชื่อว่ามีเวลาที่กำหนดไว้สำหรับพระคุณ และพระคุณนั้นจะมาถึงเราอย่างแน่นอน บาปที่สุดของชาวคริสต์คือ การหมดหวัง ความสิ้นหวัง ความไม่เชื่อเรื่องอนาคต เรื่องพรุ่งนี้ เป็นบาป สิ่งเดียวที่พระจิตทรงสั่งเราคือ เดินไปข้างหน้า เดินต่อไป อย่าหยุด และกิจการของพระจิตเจ้าในขณะที่เราเดินไปคือนำเราให้สวดภาวนา และเดินไปสู่อนาคต