แผนกคริสตศาสนธรรม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

CATECHETICAL CENTER OF BANGKOK ARCHDIOCESE

thzh-CNenfritjako

IV. โยนาธานเป็นผู้นำและมหาสมณะ
(160-143 ก.ค.ศ.)


โยนาธานต่อต้านชาวกรีก
23เมื่อยูดาสเสียชีวิต ผู้ทรยศต่อพระเจ้าออกจากที่ซ่อน แสดงตัวทั่วแผ่นดินอิสราเอล ผู้กระทำความชั่วร้ายก็ปรากฏให้เห็นอีก 24ขณะนั้นเกิดขาดแคลนอาหารอย่างหนัก ประชาชนทั้งหลายต่างเข้าข้างคนชั่วร้ายเหล่านี้  25บัคคีเดสเลือกผู้ไม่นับถือพระเจ้าบางคน แต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครองแผ่นดิน 26คนเหล่านี้ค้นหาจนพบมิตรสหายของยูดาส แล้วนำตัวมาให้บัคคีเดสลงโทษและเยาะเย้ย 27เกิดความเดือดร้อนอย่างหนักในอิสราเอลอย่างที่ไม่เคยมีมาตั้งแต่ประกาศกหมดไปจากอิสราเอล
28มิตรสหายทุกคนของยูดาสมาชุมนุมกัน บอกโยนาธานว่า 29”ตั้งแต่ยูดาสพี่ชายของท่านเสียชีวิต ไม่มีผู้ใดเหมือนเขาที่จะออกไปต่อสู้กับศัตรู คือบัคคีเดสและผู้ที่เกลียดชังชาติของเราได้ 30บัดนี้ พวกเราเลือกท่านให้เป็นหัวหน้าของเรา และเป็นผู้นำเราต่อสู้แทนยูดาส” 31โยนาธานจึงรับอำนาจปกครองในวันนั้น เป็นผู้นำแทนยูดาสพี่ชาย

โยนาธานในถิ่นทุรกันดารเทโคอาและในแผ่นดินโมอับ
    32เมื่อบัคคีเดสรู้เรื่องก็ออกตามหาโยนาธานเพื่อฆ่าเสีย 33แต่โยนาธาน ซีโมนพี่ชาย และผู้ติดตามทุกคนรู้เรื่องนี้ จึงหลบหนีไปสู่ถิ่นทุรกันดารเทโคอาg และตั้งค่ายอยู่ข้างสระอัสฟาร์ 34บัคคีเดสรับรู้เรื่องในวันสับบาโต จึงยกทัพทั้งหมดข้ามแม่น้ำจอร์แดนh
    35โยนาธานส่งยอห์นพี่ชายนำกองคุ้มกันไปขอให้ชนเผ่านาบาเทียนซึ่งเป็นพันธมิตรดูแลสัมภาระจำนวนมากของตน 36แต่ลูกหลานของยัมบรีi ออกจากเมืองเมดาบามาจับยอห์น และปล้นสิ่งของเหล่านั้นไปหมด
    37ต่อมา มีผู้นำข่าวไปบอกโยนาธานและซีโมนพี่ชายว่า “ลูกหลานของยัมบรีกำลังจะมีงานใหญ่ฉลองการแต่งงาน เขาจะนำเจ้าสาวซึ่งเป็นธิดาของคนสำคัญคนหนึ่งในแคว้นคานาอัน มาจากเมืองนาบาดาธj และมีขบวนใหญ่ตามมาด้วย”
    38โยนาธานและซีโมนคิดถึงยอห์นพี่ชายที่ถูกฆ่า จึงนำพวกขึ้นไปซุ่มคอยอยู่บนภูเขา 39เมื่อจ้องมองไป เขาก็เห็นคนเป็นขบวนใหญ่ส่งเสียงเฮฮา มีข้าวของมากมาย เจ้าบ่าวกับเพื่อนๆและญาติพี่น้องถืออาวุธพร้อม ตีรำมะนาและเล่นเครื่องดนตรีอื่นๆ ออกมาต้อนรับขบวนเจ้าสาว 40ชาวยิวกรูกันออกมาจากที่ซ่อน และฆ่าเขา มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก คนที่รอดชีวิตต่างหนีไปทางภูเขา ชาวยิวยึดของเชลยได้ทั้งหมด 41งานแต่งงานจึงเปลี่ยนเป็นงานไว้ทุกข์ เสียงดนตรีกลับเป็นเสียงคร่ำครวญ 42โยนาธานและซีโมนจึงแก้แค้นแทนพี่ชาย แล้วกลับไปยังลุ่มแม่น้ำจอร์แดน

การสู้รบที่แม่น้ำจอร์แดน
    43เมื่อบัคคีเดสรู้เรื่องนี้ เขาก็ยกทัพใหญ่มาที่ฝั่งแม่น้ำจอร์แดนในวันสับบาโต      44โยนาธานพูดกับทหารของตนว่า “ลุกขึ้น พวกเราจงต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดเถิด เพราะวันนี้ไม่เหมือนวันที่ผ่านมา 45ข้าศึกอยู่ข้างหน้าเรา แม่น้ำจอร์แดนอยู่ข้างหลัง ด้านหนึ่งมีพรุ อีกด้านหนึ่งก็มีป่า เราไม่มีทางหนี 46จงร้องเสียงดังทูลพระเจ้าแห่งสวรรค์ให้ทรงช่วยเราพ้นมือของศัตรูเถิด”
    47การสู้รบก็เริ่มขึ้น โยนาธานเข้าฟันบัคคีเดส แต่บัคคีเดสหลบได้และถอยหนี 48โยนาธานกับทหารของตนกระโดดลงแม่น้ำจอร์แดน ว่ายน้ำข้ามไปขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง ข้าศึกไม่ได้ข้ามแม่น้ำไล่ตามไปk 49วันนั้นทหารฝ่ายบัคคีเดสเสียชีวิตหนึ่งพันคน

บัคคีเดสสร้างป้อมปราการ อัลชีมัสเสียชีวิต
    50บัคคีเดสกลับไปกรุงเยรูซาเล็มแล้วสร้างป้อมปราการตามเมืองต่างๆในแคว้นยูเดีย ที่เมืองเยริโค เอมมาอุส เบธ-โฮโรน เบธเอล ทิมนาท ฟาราโธน และเทโฟนl มีกำแพงสูง มีดาลกั้นประตูเมือง 51เขายังเสริมกำลังป้อมที่เมืองเบธซูร์ เกเซอร์ และป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็ม วางกำลังทหารและเสบียงสำรองไว้ที่นั่น 53เขายังจับบุตรผู้นำเมืองต่างๆไว้เป็นตัวประกัน และขังไว้ในป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็ม
    54ปีหนึ่งร้อยห้าสิบสาม ศักราชกรีก เดือนที่สองm อัลชีมัสสั่งให้รื้อกำแพงล้อมลานชั้นในของพระวิหาร เป็นการทำลายผลงานของบรรดาประกาศกn เมื่อเริ่มรื้อกำแพง 55งานนี้ก็ต้องหยุดชะงัก เพราะอัลชีมัสเป็นอัมพาต อ้าปากไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ สั่งทำพินัยกรรมก็ไม่ได้ด้วย 56ในที่สุด อัลชีมัสต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมากและเสียชีวิต 57เมื่อบัคคีเดสเห็นว่าอัลชีมัสเสียชีวิตแล้ว เขาก็กลับไปเฝ้ากษัตริย์ แคว้นยูเดียสงบสุขเป็นเวลาสองปี

การล้อมเมืองเบธ-บาสี
    58ผู้ทรยศต่อพระเจ้าทุกคนมาประชุมปรึกษากันว่า “บัดนี้ โยนาธานกับบรรดาผู้ติดตามอยู่อย่างสงบสุขและปลอดภัย พวกเราจงไปเชิญบัคคีเดสให้กลับมาอีก เขาจะได้จับคนทั้งหมดนี้เป็นเชลยได้ในคืนเดียว” 59คนเหล่านั้นจึงปรึกษาบัคคีเดส 60บัคคีเดสก็ยกทัพใหญ่มา เขาส่งจดหมายลับไปถึงพวกที่เป็นพันธมิตรกับตนในแคว้นยูเดีย บอกให้จับโยนาธานกับผู้สนับสนุนไว้ แต่แผนการนี้รั่วไหล คนเหล่านั้นจึงทำการไม่สำเร็จ 61โยนาธานและพวกจับคนในชนบทที่เป็นหัวหน้าทำแผนชั่วร้ายนี้ฆ่าเสียประมาณห้าสิบคน 62โยนาธาน ซีโมนและผู้ติดตามถอยไปที่เมืองเบธ-บาสีo ในถิ่นทุรกันดาร แล้วสร้างป้อมปราการขึ้นใหม่ให้แข็งแรงกว่าเดิม แทนป้อมปราการที่ถูกทำลาย 63บัคคีเดสรู้เรื่องก็รวบรวมกำลังทัพทั้งหมดแล้วส่งข่าวไปถึงผู้ที่อยู่ในแคว้นยูเดีย 64แล้วมาตั้งค่ายล้อมเมืองเบธ-บาสี สร้างเครื่องยิง เข้าจู่โจมเมืองนั้นอยู่หลายวัน
    65โยนาธานทิ้งซีโมนไว้ให้อยู่ในเมือง แล้วยกพลจำนวนหนึ่งออกไปในชนบท 66เข้าโจมตีโอโดเมรา บรรดาพี่น้อง และบรรดาลูกหลานของฟาสิโรนในกระโจม เมื่อคนเหล่านี้pพ่ายแพ้ ก็เข้าพวกกับโยนาธาน ยกกำลังไปต่อสู้กับบัคคีเดส 67ซีโมนและบรรดาทหารรีบออกไปจากเมือง จุดไฟเผาเครื่องยิง 68แล้วเข้าโจมตีบัคคีเดสจนบัคคีเดสพ่ายแพ้ ทำให้เขาเสียใจมากที่แผนการและความพยายามของตนต้องล้มเหลว 69เขาโกรธพวกทรยศต่อพระเจ้ามากที่แนะนำเขาให้บุกรุกแคว้นนี้ จึงฆ่าพวกนี้เสียหลายคน แล้วตัดสินใจกลับไปยังแผ่นดินของตน
    70เมื่อโยนาธานรู้เรื่องนี้ ก็ส่งทูตไปทำสัญญาสันติภาพกับเขา ขอให้แลกเชลยศึกกัน 71บัคคีเดสตกลงตามที่โยนาธานเสนอ ทั้งให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะไม่ทำร้ายเขาอีกตลอดชีวิตของตน 72ปล่อยเชลยศึกที่เคยจับมาก่อนในแผ่นดินยูดาห์ แล้วจึงกลับไปสู่แผ่นดินของตน ตั้งใจจะไม่กลับมาเขตแดนนี้อีก
    73ความสงบสุขกลับมาสู่อิสราเอลอีก โยนาธานมาพำนักอยู่ที่เมืองมิคมาช เริ่มปกครองประชากรq และกำจัดผู้ทรยศต่อพระเจ้าให้หมดไปจากอิสราเอล

อเล็กซานเดอร์บาลัสแต่งตั้งโยนาธานเป็นมหาสมณะ
 10         1ปีหนึ่งร้อยหกสิบ ศักราชกรีก อเล็กซานเดอร์เอปีฟาเนสa โอรสของอันทิโอคัส ยกทัพไปยึดเมืองโทเลมาอิส ชาวเมืองยอมรับเขา เขาจึงเริ่มครองราชย์ที่นั่นb 2เมื่อกษัตริย์เดเมตรีอัสทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงระดมกองทัพใหญ่มาก ยกออกไปรบกับเขา 3กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงมีสารไปถึงโยนาธาน ทรงใช้ถ้อยคำแสดงมิตรภาพเพื่อยกย่องเขา 4ทรงคิดว่า “เราจงรีบมีไมตรีกับโยนาธานก่อนที่เขาจะมีไมตรีกับอเล็กซานเดอร์ มาต่อสู้เรา 5เพราะเขายังไม่ลืมความชั่วร้ายที่เราเคยทำกับเขา กับญาติพี่น้องและกับชนชาติของเขา”
    6เดเมตรีอัสยังทรงอนุญาตให้โยนาธานรวบรวมกองทัพ เตรียมอาวุธ ทรงนับว่าเขาเป็นพันธมิตร และทรงปล่อยตัวประกันที่ถูกขังไว้ในป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็ม 7โยนาธานจึงขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และอ่านสารนั้นต่อหน้าประชากรทั้งหลายและผู้ที่อยู่ในป้อมอาครา 8ทุกคนที่นั่นกลัวมากเมื่อได้ยินว่ากษัตริย์ทรงมอบอำนาจให้โยนาธานรวบรวมกองทัพได้ 9คนที่อยู่ในป้อมอาคราจึงปล่อยตัวประกันให้โยนาธาน โยนาธานก็คืนคนเหล่านั้นให้บิดามารดา 10โยนาธานมาพำนักอยู่ที่กรุงเยรูซาเล็ม เริ่มสร้างและบูรณะเมือง 11เขาสั่งคนงานให้สร้างกำแพงเมืองและใช้หินสี่เหลี่ยมcล้อมเนินเขาเนินเขาศิโยนให้เป็นที่มั่น คนงานก็ทำตาม 12ชนต่างชาติที่อยู่ในปัอมปราการที่บัคคีเดสเคยสร้างไว้ก็หนีไป 13ต่างคนต่างทิ้งที่มั่นกลับไปยังแผ่นดินของตน 14ที่เมืองเบธซูร์เท่านั้นยังเหลือผู้ที่ทรยศต่อธรรมบัญญัติและต่อบทบัญญัติบางคน เมืองนี้จึงเป็นที่ลี้ภัยของเขา
    15กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทราบเรื่องสัญญาที่เดเมตรีอัสเสนอแก่โยนาธาน ทั้งทรงทราบเรื่องสงครามและความกล้าหาญของโยนาธานและญาติพี่น้อง ตลอดจนความทุกข์ยากที่เขาได้รับ 16จึงตรัสว่า เราจะหาคนอย่างเขาได้ที่ไหน เราจงเป็นมิตรและมีไมตรีกับเขาเถิด” 17พระองค์จึงทรงเขียนและส่งสารไปถึงโยนาธานมีความว่า 18”กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ขอส่งความสุขมาถึงโยนาธานน้องชาย 19เราได้ยินว่าท่านเป็นนักรบผู้กล้าหาญ สมควรจะเป็นมิตรของเรา 20วันนี้เราจึงแต่งตั้งท่านให้เป็นมหาสมณะของชนชาติdของท่าน ท่านจะได้ชื่อว่าเป็นพระสหายของกษัตริย์ ท่านจะสนับสนุนผลประโยชน์ของเรา และรักษามิตรภาพกับเราไว้” พระองค์ยังทรงส่งเสื้อคลุมสีม่วงแดงและมงกุฎทองคำไปให้เขาอีกด้วย
    21โยนาธานสวมอาภรณ์ศักดิ์สิทธิ์ในเดือนที่เจ็ด ปีหนึ่งร้อยหกสิบe ศักราชกรีก ในเทศกาลอยู่เพิง แล้วจึงรวบรวมกองทัพและเตรียมอาวุธจำนวนมาก

สารของเดเมตรีอัสถึงโยนาธาน
    22เมื่อกษัตริย์เดเมตรีอัสทรงทราบเรื่องเหล่านี้ก็ทรงเป็นทุกข์ รับสั่งว่า 23”เหตุไฉนเราจึงปล่อยให้อเล็กซานเดอร์ทำสัญญาเป็นมิตรกับชาวยิวเพื่อรับการสนับสนุน ก่อนหน้าเราเล่า 24เราจะเขียนสารไปยกย่องเขา สัญญาจะให้ตำแหน่งและของกำนัลแก่เขา เพื่อเขาจะช่วยเหลือเราด้วย”
    25พระองค์จึงทรงเขียนสารดังนี้ “กษัตริย์เดเมตรีอัสของส่งความสุขมายังชนชาติยิว 26เราได้ยินด้วยความยินดีว่าท่านได้รักษาพันธสัญญาที่ทำไว้กับเรา และดำรงมิตรภาพของเราไว้ ไม่เข้าข้างศัตรู 27บัดนี้ ท่านจงซื่อสัตย์ต่อเราต่อไป และเราจะตอบแทนความดีที่ท่านจะกระทำต่อเรา 28เราจะให้ท่านได้รับการยกเว้นหลายประการ และให้ของกำนัลแก่ท่านมากมาย 29ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะยกเว้นภาษีแก่ท่าน ชาวยิวทุกคนจะไม่ต้องถวายเครื่องบรรณาการ ไม่ต้องเสียภาษีเกลือ และไม่ต้องเสียภาษีแก่กษัตริย์ 30ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราจะสละสิทธิ์ไม่เก็บภาษีหนึ่งในสามของข้าว  ไม่เก็บภาษีครึ่งหนึ่งของผลไม้f ทั้งในแคว้นยูเดียและในสามจังหวัดที่เคยรวมอยู่กับแคว้นสะมาเรียและแคว้นกาลิลีg 31กรุงเยรูซาเล็มจะต้องเป็นนครศักดิ์สิทธิ์และเขตแดนจะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีหนึ่งในสิบและภาษีอื่นๆ 32เรายอมสละสิทธิ์เหนือป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็มและมอบคืนให้แก่มหาสมณะ เขาจะมีสิทธิ์เลือกคนมาเฝ้ารักษา 33ชาวยิวทุกคนที่ถูกกวาดต้อนจากแผ่นดินยูดาห์ไปเป็นเชลยไม่ว่าที่ใดในอาณาจักรของเรา เราจะปล่อยให้เป็นอิสระโดยไม่ต้องเสียค่าไถ่ ทุกคนจะได้รับการยกเว้นภาษีต่างๆ แม้แต่ภาษีฝูงสัตว์ 34วันฉลองต่างๆ วันสับบาโต วันต้นเดือนและวันฉลองที่กำหนดไว้ สามวันก่อนและหลังวันฉลอง เป็นวันที่ไม่ต้องใช้หนี้และเสียภาษีh สำหรับชาวยิวทุกคนที่อยู่ในราชอาณาจักรของเรา 35จะไม่มีผู้ใดมีอำนาจบังคับให้เขาจ่ายเงิน หรือข่มขู่เขาในเรื่องใดก็ตาม 36ชาวยิวเพียงสามหมื่นคนเท่านั้นจะต้องเข้ารับราชการในกองทัพของกษัตริย์ เขาจะได้รับค่าจ้างเท่ากับทหารอื่นๆของกษัตริย์ 37ทหารชาวยิวบางคนจะต้องอยู่ประจำที่ป้อมปราการสำคัญๆของกษัตริย์ คนอื่นจะได้รับตำแหน่งเป็นที่ไว้วางใจในราชการ ผู้บังคับบัญชาและหัวหน้าจะต้องเลือกจากชาวยิวด้วยกัน เขาจะได้ดำเนินชีวิตตามบทบัญญัติของเขา ตามที่กษัตริย์ทรงบัญชาสำหรับแผ่นดินยูดาห์
    38”จังหวัดทั้งสามของแคว้นสะมาเรียที่รวมเข้ากับแคว้นยูเดีย จะอยู่กับแคว้นยูเดียต่อไป    เพื่อจะได้อยู่ใต้การปกครองของคนเดียว และจะไม่ต้องเชื่อฟังอำนาจอื่นใดนอกจากอำนาจของมหาสมณะแต่ผู้เดียว 39เรามอบเมืองโทเลมาอิสและเขตแดนโดยรอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อจะเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นสำหรับพระวิหารi 40ทุกๆปี เราจะให้เงินจากบัญชีส่วนตัวของเราหนักหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ที่เก็บมาจากสถานที่ต่างๆที่กำหนดไว้ 41เงินทั้งหมดในปีก่อนๆที่เจ้าหน้าที่มิได้ส่งดังที่เคยปฏิบัติ จะต้องส่งและนำมาใช้ในงานของพระวิหาร 42และเงินหนักห้าพันบาทที่เราเคยเก็บจากรายได้ของพระวิหารทุกปีก็ให้ยกเลิกด้วย เพราะเงินนี้เป็นของสมณะผู้รับใช้ในพระวิหาร 43ผู้ใดจะลี้ภัยในพระวิหารที่กรุงเยรูซาเล็ม หรือในอาณาบริเวณพระวิหาร เพราะเป็นหนี้กษัตริย์ หรือเพราะเหตุอื่นๆ ผู้นั้นจะถูกปล่อยเป็นอิสระ และยังมีกรรมสิทธิ์ในสิ่งของต่างๆที่เขามีอยู่ในราชอาณาจักรของเรา 44สำหรับงานสร้างและบูรณะพระวิหาร รายจ่ายจะคิดจากบัญชีของกษัตริย์ 45งานสร้างกำแพงกรุงเยรูซาเล็มและป้อมปราการโดยรอบจะคิดจากบัญชีของกษัตริย์ งานสร้างกำแพงเมืองอื่นๆในแคว้นยูเดียก็เช่นเดียวกัน”

กษัตริย์เดเมตรีอัสสิ้นพระชนม์
    46โยนาธานและประชากรได้ยินข้อความจากสารนี้ แต่ไม่เชื่อและไม่ยอมรับ เพราะคิดถึงความชั่วร้ายมากมายที่กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงกระทำกับชาวอิสราเอล และคิดถึงความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสที่ตนได้รับ    47เขาทั้งหลายพอใจมากกว่าที่จะเลือกเป็นมิตรกับอเล็กซานเดอร์ เพราะพระองค์ทรงเป็นฝ่ายแรกที่เจรจาขอสันติภาพj เขาจึงเป็นพันธมิตรกับอเล็กซานเดอร์ตลอดไป
    48กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงรวบรวมกำลังพลมากมาย ยกไปเผชิญหน้ากับกษัตริย์เดเมตรีอัส 49กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ทรงสู้รบกัน กองทัพของเดเมตรีอัสล่าถอย กษัตริย์อเล็กซานเดอร์จึงทรงไล่ตามและทรงมีชัยชนะ 50การรบดำเนินไปอย่างดุเดือดจนพลบค่ำ กษัตริย์เดเมตรีอัสสิ้นพระชนม์ในวันนั้น

กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทำสัญญากับกษัตริย์โทเลมี
    51กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงส่งราชทูตนำสารไปเฝ้ากษัตริย์โทเลมีแห่งอียิปต์ มีความว่า 52”ข้าพเจ้าได้กลับคืนสู่อาณาจักรของข้าพเจ้าแล้ว นั่งบนบัลลังก์ของบรรพบุรุษ ยึดอำนาจปกครองหลังจากมีชัยชนะต่อเดเมตรีอัส และครอบครองแผ่นดินของเรา 53ข้าพเจ้าทำสงครามกับเดเมตรีอัส เขาและกองทัพถูกพวกเราทำลาย และข้าพเจ้าได้ขึ้นเป็นกษัตริย์แทนเขา 54บัดนี้ ขอพระองค์ทรงเป็นมิตรกับข้าพเจ้าเถิด ขอพระองค์ประทานพระธิดาให้เป็นมเหสีของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะเป็นราชบุตรเขยของพระองค์ จะถวายเครื่องบรรณาการที่มีค่าควรแก่พระองค์แด่พระองค์และพระธิดา”
    55กษัตริย์โทเลมีทรงมีพระราชสารตอบไปดังนี้
“ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่งที่พระองค์เสด็จกลับสู่แผ่นดินของบรรพบุรุษ และประทับบนราชบัลลังก์ 56ข้าพเจ้าจะทำตามที่พระองค์ทรงเสนอในพระราชสาร ขอเชิญพระองค์เสด็จมาที่เมืองโทเลมาอิสเพื่อเราจะได้พบกัน ข้าพเจ้าจะมีความสัมพันธ์ฉันญาติกับพระองค์ดังที่ทรงขอ”
57กษัตริย์โทเลมีเสด็จจากอียิปต์พร้อมกับคลีโอพัตราพระธิดามาที่เมืองโทเลมาอิส ในปีหนึ่งร้อยหกสิบสองk ศักราชกรีก 58กษัตริย์อเล็กซานเดอร์เสด็จมาพบพระองค์ กษัตริย์โทเลมีประทานคลีโอพัตราพระธิดาให้กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ ทรงจัดงานอภิเษกสมรสที่เมืองโทเลมาอิสอย่างสง่างามตามราชประเพณี
59กษัตริย์อเล็กซานเดอร์มีพระราชสารไปเชิญโยนาธานมาเฝ้า 60โยนาธานจึงไปที่เมืองโทเลมาอิสเป็นขบวนยิ่งใหญ่ เข้าเฝ้ากษัตริย์ทั้งสองพระองค์ ทูลถวายเงิน ทองคำ และเครื่องบรรณาการจำนวนมากแด่กษัตริย์ทั้งสองพระองค์และบรรดาพระสหาย กษัตริย์ทั้งสองพระองค์พอพระทัย 61ชาวอิสราเอลบางคนที่ชั่วร้ายและทรยศต่อพระเจ้า ร่วมกันใส่ร้ายโยนาธาน แต่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ไม่ทรงเชื่อl 62พระองค์ตรัสสั่งให้โยนาธานเปลี่ยนเสื้อธรรมดาเป็นเสื้อสีม่วงแดง เขาก็ปฏิบัติตาม  63กษัตริย์ยังรับสั่งให้เขานั่งเคียงข้างพระองค์ แล้วตรัสแก่บรรดานายทหารว่า “จงพาโยนาธานไปที่กลางเมืองแล้วประกาศว่า อย่าให้ใครกล่าวหาชายผู้นี้ไม่ว่าในเรื่องใด อย่าให้ใครทำให้ชายผู้นี้เดือดร้อนไม่ว่าเพราะเหตุใด”
64เมื่อผู้ใส่ร้ายเห็นว่าโยนาธานได้รับการประกาศเกียรติยศ และรับพระราชทานเสื้อคลุมสีม่วงแดง ทุกคนก็หนีไป 65กษัตริย์ประทานเกียรติแก่เขา ทรงนับเขาเป็นพระสหายสนิทของพระองค์ ทรงตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการทหารและเป็นผู้ว่าราชการแคว้นm 66โยนาธานจึงกลับกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดีและปลอดภัย

โยนาธานชนะอปอลโลนิอัส แม่ทัพของเดเมตรีอัสที่ 2
    67ปีหนึ่งร้อยหกสิบห้าศักราชกรีก เดเมตรีอัส โอรสของกษัตริย์เดเมตรีอัส ออกจากเกาะครีตมายังแผ่นดินของบรรพบุรุษn 68เมื่อกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทราบข่าวนี้ ก็ทรงเป็นทุกข์อย่างยิ่ง เสด็จกลับยังเมืองอันทิโอก 69เดเมตรีอัสแต่งตั้งอปอลโลเนียสเป็นผู้ปกครองแคว้นซีเรียใต้o เขาจึงระดมกำลังพลมากมายมาตั้งค่ายใกล้เมืองยัมเนีย แล้วส่งสารไปถึงโยนาธาน มหาสมณะ ความว่า 70”ท่านเป็นผู้เดียวที่ต่อสู้กับพวกเรา ข้าพเจ้าถูกเยาะเย้ย ได้รับความอับอายก็เพราะท่าน เหตุใดท่านจึงอวดอำนาจกับพวกเราอยู่บนภูเขาเล่า 71ถ้าท่านมั่นใจในกองทัพของท่าน ก็จงลงมาสู้รบกับเราในที่ราบเถิด เราจะได้ลองกำลังกันดู กำลังพลของเมืองต่างๆเป็นฝ่ายข้าพเจ้าแล้ว 72จงถามดูซิว่าข้าพเจ้าเป็นใคร และใครบ้างที่ช่วยพวกเรา คนเหล่านี้พูดกันว่าท่านจะต่อต้านพวกเราไม่ได้ เพราะบรรพบุรุษของท่านต้องพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในแผ่นดินของตนp 73บัดนี้ ท่านก็จะต้านทานกองทัพม้าและกำลังทหารของเราไม่ได้ ในที่ราบนี้ไม่มีก้อนหิน ไม่มีก้อนกรวด ไม่มีที่หลบซ่อน”
    74เมื่อโยนาธานได้ยินถ้อยคำของอปอลโลเนียสแล้วก็โกรธ จึงเลือกทหารหนึ่งหมื่นคน ยกออกไปจากกรุงเยรูซาเล็ม ซีโมนพี่ชายก็ยกกำลังมาช่วยด้วย 75โยนาธานตั้งค่ายอยู่ใกล้เมืองยัฟฟา แต่ชาวเมืองไม่ยอมให้เขาเข้าเมือง เพราะอปอลโลเนียสมีทหารกองหนึ่งอยู่ที่นั่น เมื่อชาวยิวเริ่มโจมตีเมือง 76ชาวเมืองก็ตกใจกลัว เปิดประตูเมืองให้ โยนาธานจึงยึดเมืองยัฟฟาได้
    77เมื่ออปอลโลเนียสรู้ข่าว เขาก็รวบรวมทหารม้าสามพันคนและทหารราบจำนวนมาก เดินทัพเหมือนกับว่าจะไปยังเมืองอาโซทัส แต่ความจริงเขามุ่งไปยังที่ราบ เพราะเขาไว้ใจทหารม้าจำนวนมากที่มีอยู่ 78โยนาธานไล่ตามไปทางเมืองอาโซทัส กองทัพทั้งสองฝ่ายเข้าสู้รบกัน 79อปอลโลเนียสให้ทหารม้าหนึ่งพันคนหลบซ่อนอยู่เบื้องหลัง 80โยนาธานรู้ว่ามีกองทัพข้าศึกซุ่มโจมตีอยู่เบื้องหลัง กองทัพของเขาถูกศัตรูล้อมและถูกยิงธนูใส่ตั้งแต่เช้าจนค่ำ 81แต่ทหารของโยนาธานยังคงยืนหยัดต่อสู้อยู่ตามคำสั่ง ขณะที่ม้าของข้าศึกเหน็ดเหนื่อยมาก 82เมื่อทหารม้าหมดกำลังลง ซีโมนก็ยกกำลังพลของตนเข้าโจมตีแนวทหาร ข้าศึกพ่ายแพ้ยับเยินและหนีไป 83ทหารม้าก็แตกกระเจิงไปทั่วที่ราบ ข้าศึกหนีไปยังเมืองอาโซทัส เข้าไปในเบธ-ดาโกนซึ่งเป็นวิหารของเทพเจ้าของเขา เพื่อจะเอาชีวิตรอด 84แต่โยนาธานปล้นแล้วเผาเมืองอาโซทัส เมืองใกล้เคียง เผาทำลายวิหารพระดาโกนและประชาชนที่หลบอยู่ในวิหารนั้น 85มีผู้เสียชีวิตเพราะถูกคมดาบและผู้ที่ถูกไฟคลอกตายนับจำนวนได้แปดพันคน 86โยนาธานจึงยกทัพออกจากที่นั่นมาตั้งค่ายอยู่หน้าเมืองอัชเคโลน ชาวเมืองออกมาต้อนรับเขาเป็นขบวนยิ่งใหญ่ 87โยนาธานกลับไปกรุงเยรูซาเล็มพร้อมกับทหาร ขนสิ่งของจำนวนมากที่ปล้นมาได้ไปด้วย      88เมื่อกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ประทานเกียรติแก่โยนาธานมากยิ่งขึ้น 89ทรงส่งเข็มกลัดทองคำให้เขา เช่นเดียวกับที่เคยประทานแก่พระประยูรญาติq พระองค์ยังประทานเมืองเอโครนกับเขตแดนทั้งหมดโดยรอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ด้วย

สัญญาระหว่างกษัตริย์โทเลมีที่ 6 กับเดเมตรีอัสที่ 2
11 1กษัตริย์แห่งอียิปต์ทรงรวบรวมกำลังพลจำนวนมากราวกับเม็ดทรายตามชายทะเลและเรือจำนวนมาก ทรงพยายามใช้อุบายยึดราชอาณาจักรของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์เข้ามารวมกับราชอาณาจักรของพระองค์ 2พระองค์เสด็จไปยังแคว้นซีเรียเหมือนมาอย่างสันติ ชาวเมืองต่างๆเปิดประตูเมืองออกไปรับเสด็จตามพระบัญชาของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ เพราะกษัตริย์โทเลมีเป็นพระราชบิดาของพระมเหสี 3แต่เมื่อกษัตริย์โทเลมีaเสด็จเข้าเมืองใด พระองค์ก็ทรงตั้งกองทหารไว้ทุกเมือง 4เมื่อเสด็จมาถึงเมืองอาโซทัส ชาวเมืองก็ชี้ให้ทอดพระเนตรวิหารของเทพเจ้าดาโกนที่ถูกไฟเผา รวมทั้งหมู่บ้านโดยรอบที่ถูกทำลาย ซากศพที่ถูกทิ้งเกลื่อนกลาด และศพไหม้เกรียมของทหารที่ถูกเผาในการสู้รบ เขานำศพเหล่านี้มากองสุมอยู่ตามทางที่เสด็จผ่าน 5ทูลให้กษัตริย์ทรงทราบการกระทำของโยนาธาน หวังจะให้พระองค์ทรงมีอคติต่อเขา แต่กษัตริย์ไม่ตรัสประการใด 6โยนาธานมารับเสด็จกษัตริย์เป็นขบวนยิ่งใหญ่ที่เมืองยัฟฟา ทั้งสองฝ่ายแสดงความเป็นมิตรต่อกันและพักแรมที่นั่น 7โยนาธานเดินทางไปกับกษัตริย์จนถึงแม่น้ำเอลูเทรัสb แล้วกลับกรุงเยรูซาเล็ม
    8กษัตริย์โทเลมีทรงยึดเมืองต่างๆตามชายฝั่งทะเลไปจนถึงเมืองเซลูเคียริมฝั่งทะเลc และทรงคิดแผนชั่วร้ายต่อกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ 9ทรงส่งราชทูตไปพบเดเมตรีอัส ตรัสว่า “เราจงมาทำสัญญากันเถิด ข้าพเจ้าจะยกธิดาที่ขณะนี้เป็นdมเหสีของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ให้เป็นภรรยาของท่าน และท่านจะเป็นกษัตริย์ปกครองราชอาณาจักรของบิดาของท่าน 10ข้าพเจ้าเสียใจจริงๆที่ได้ยกธิดาให้เขา เพราะเขาพยายามจะฆ่าข้าพเจ้า 11กษัตริย์โทเลมีทรงใส่ร้ายกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ เพราะทรงปรารถนาครอบครองราชอาณาจักรของอเล็กซานเดอร์e 12พระองค์ทรงเรียกพระธิดาคืนมาจากกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ แล้วทรงยกให้เดเมตรีอัส จึงทรงแตกแยกกับกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ กลายเป็นศัตรูกัน 13ต่อมา กษัตริย์โทเลมีก็เสด็จเข้าเมืองอันทิโอก และทรงสวมมงกุฎแห่งอาเซียf พระองค์จึงทรงสวมทั้งมงกุฎแห่งอียิปต์และมงกุฎแห่งอาเซีย

กษัตริย์อเล็กซานเดอร์บาลัสและโทเลมีที่ 6 สิ้นพระชนม์
    14เวลานั้น กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ประทับอยู่ในแคว้นซิลีเซีย เพราะประชาชนในดินแดนนั้นเป็นกบฏ 15เมื่อทรงทราบข่าวก็เสด็จไปสู้รบกับกษัตริย์โทเลมี กษัตริย์โทเลมีทรงยกทัพออกมาต่อสู้ด้วยกำลังพลเข้มแข็งและทรงมีชัยชนะg 16กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ทรงหนีไปหลบภัยอยู่ในแคว้นอาระเบีย กษัตริย์โทเลมีจึงทรงชนะอย่างเด็ดขาด 17ศับดีเอลชาวอาหรับh ตัดพระเศียรของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ นำมาถวายกษัตริย์โทเลมี 18แต่สามวันต่อมา กษัตริย์โทเลมีก็สิ้นพระชนม์ ทหารที่อยู่ตามป้อมปราการของเมืองต่างๆถูกชาวเมืองฆ่าจนหมดสิ้น  19แล้วเดเมตรีอัสจึงขึ้นเป็นกษัตริย์ในปีหนึ่งร้อยหกสิบเจ็ดศักราชกรีก

โยนาธานทำสัญญากับกษัตริย์เดเมตรีอัสที่ 2
    20เวลานั้น โยนาธานระดมกำลังพลชาวยูเดียเข้าโจมตีป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็ม ทั้งยังสร้างเครื่องยิงอาวุธเข้าโจมตีด้วยi 21คนบางคนที่ทรยศต่อพระเจ้าและเป็นศัตรูกับชนชาติของตนไปเฝ้ากษัตริย์ ทูลว่าโยนาธานกำลังล้อมป้อมอาครา 22กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงได้ยินเรื่องนี้ก็กริ้ว เมื่อทรงทราบเรื่องอย่างแน่ชัดจึงเสด็จไปเมืองโทเลมาอิสทันที มีพระราชสารไปถึงโยนาธานให้เลิกล้อมป้อมอาครา แล้วให้ไปเฝ้าโดยด่วนที่เมืองโทเลมาอิสเพื่อปรึกษากับพระองค์
    23เมื่อโยนาธานรู้ข้อความในพระราชสารแล้ว ก็สั่งให้ล้อมป้อมอาคราต่อไป เลือกผู้อาวุโสชาวอิสราเอลและสมณะบางคนเป็นเพื่อนร่วมทางไปเฝ้ากษัตริย์ แม้จะเสี่ยงอันตราย 24โยนาธานนำเงิน ทองคำ เสื้ออาภรณ์และเครื่องบรรณาการอื่นๆจำนวนมากไปเข้าเฝ้ากษัตริย์ที่เมืองโทเลมาอิส พระองค์ก็พอพระทัยเขา 25ชนชาติเดียวกันบางคนที่ทรยศต่อพระเจ้ากล่าวหาเขา 26แต่กษัตริย์ทรงปฏิบัติต่อเขาเหมือนที่บรรพบุรุษของพระองค์เคยปฏิบัติ และทรงยกย่องให้เกียรติเขาต่อหน้าพระสหายทั้งปวง 27พระองค์ทรงรับรองตำแหน่งมหาสมณะและตำแหน่งอื่นๆที่โยนาธานเคยมี และทรงตั้งเขาให้เป็นผู้หนึ่งในจำนวนพระสหายสนิทของพระองค์
    28โยนาธานทูลขอให้กษัตริย์ทรงยกเลิกเก็บภาษีจากแคว้นยูเดีย จากสามจังหวัด และจากแคว้นสะมาเรีย โดยสัญญาว่าจะถวายเงินหนักสิบตันแทนj 29กษัตริย์ทรงยินยอม แล้วทรงมีพระราชสารไปถึงโยนาธานในเรื่องเหล่านี้มีความว่าk
    30”กษัตริย์เดเมตรีอัสขอส่งความสุขมายังโยนาธานน้องชาย และชนชาติยิวทั้งหลาย 31เราส่งสำเนาจดหมายที่เราเขียนเกี่ยวกับท่านไปถึงลัสเทเนสญาติของเรา เพื่อท่านจะได้รู้ข้อความนั้น
    32“กษัตริย์เดเมตรีอัสขอส่งความสุขมายังลัสเทเนส พระบิดา 33ชนชาติยิวแสดงความปรารถนาดีต่อเรา เราจึงตกลงจะตอบแทนเขาซึ่งเป็นมิตรกับเรา และเคารพสิทธิของเขา 34เรารับรองว่าเขตแดนของแคว้นยูเดีย และเขตแดนสามจังหวัด คืออาไฟเรมา ลิดดา และรามาธิมl เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา สามจังหวัดนี้และเมืองบริวารเคยขึ้นกับแคว้นสะมาเรียได้ถูกรวมเข้ากับแคว้นยูเดียเพื่อสนับสนุนทุกคนที่ถวายเครื่องบูชาที่กรุงเยรูซาเล็ม ทั้งนี้เพื่อเราจะได้เก็บภาษีที่กษัตริย์องค์ก่อนๆเคยเก็บจากเขาทุกปี โดยรับผลิตผลจากพื้นดินและต้นผลไม้ 35ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เราสละสิทธิ์ที่จะเก็บภาษีอื่นๆที่เราควรได้ ได้แก่ภาษีหนึ่งในสิบ เครื่องบรรณาการ ภาษีเกลือ และภาษีแก่กษัตริย์m 36ตั้งแต่นี้ไปจะไม่มีการยกเลิกข้อกำหนดเหล่านี้อีก 37เพราะฉะนั้น จงจัดให้เขียนสำเนาข้อกำหนดนี้ส่งให้โยนาธานนำไปติดไว้ในที่สาธารณะบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์”

โยนาธานช่วยกษัตริย์เดเมตรีอัสที่ 2
    38กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงเห็นว่าแผ่นดินของพระองค์มีความร่มเย็น ไม่มีผู้ใดเป็นศัตรูกับพระองค์ จึงทรงเลิกกองทัพ ปล่อยให้ทหารแต่ละคนกลับบ้าน เหลือแต่ทหารต่างชาติที่จ้างมาจากเกาะnของชนชาติต่างๆ ดังนั้น กำลังพลที่เคยรับราชการกับบรรพบุรุษของพระองค์จึงกลับเป็นศัตรูกับพระองค์ 39ตรีโฟ ซึ่งเคยอยู่ฝ่ายกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ เห็นว่ากำลังพลทุกคนพูดแสดงความไม่พอใจต่อกษัตริย์เดเมตรีอัส จึงไปพบอิมัลคิวo ชาวอาหรับ ผู้ดูแลอันทิโอคัส โอรสที่ยังทรงพระเยาว์ของกษัตริย์อเล็กซานเดอร์ 40ตรีโฟเฝ้ารบเร้าอิมัลคิวให้มอบอันทิโอคัสให้เขา เพื่อจะได้แต่งตั้งให้เป็นกษัตริย์แทนพระบิดา ตรีโฟยังเล่าให้เขารู้เรื่องที่กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงกระทำ และเล่าว่าพวกทหารเกลียดชังเดเมตรีอัสเพียงใด ตรีโฟอยู่ที่นั่นหลายวัน
    41โยนาธานส่งคนไปเฝ้ากษัตริย์เดเมตรีอัส ขอให้ถอนทหารออกจากป้อมอาคราที่กรุงเยรูซาเล็ม และจากป้อมปราการอื่นๆ เพราะทหารเหล่านี้ต่อสู้กับชาวอิสราเอลอยู่เสมอ 42เดเมตรีอัสทรงส่งสารตอบโยนาธานว่า “ข้าพเจ้าจะไม่ปฏิบัติต่อท่านและต่อชนชาติของท่านเพียงเท่านี้ แต่ข้าพเจ้าจะยกย่องให้เกียรติท่านอย่างเต็มที่เมื่อมีโอกาส 43บัดนี้ ขอได้โปรดส่งทหารมาร่วมรบกับข้าพเจ้า เพราะกำลังพลทั้งหลายต่างละทิ้งข้าพเจ้า”
    44โยนาธานส่งทหารชำนาญศึกสามพันคนไปที่เมืองอันทิโอก เขาไปเฝ้ากษัตริย์ พระองค์ทรงยินดีที่เห็นกองทัพไปถึง 45ชาวเมืองอันทิโอกมาชุมนุมกันกลางเมืองเป็นจำนวนหนึ่งแสนสองหมื่นคน คิดจะปลงพระชนม์ 46แต่กษัตริย์เสด็จไปทรงหลบซ่อนอยู่ในพระราชวัง ขณะที่ชาวเมืองมาอยู่เต็มถนนและเริ่มโจมตี 47กษัตริย์รับสั่งให้ทหารชาวยิวช่วยพระองค์ ทุกคนเข้าห้อมล้อมพระองค์ไว้ทันที แล้วกระจายกันไปอยู่ทั่วเมือง วันนั้น ชาวยิวฆ่าชาวเมืองประมาณหนึ่งแสนคน 48แล้วจุดไฟเผาเมือง วันนั้นเขาได้สิ่งของเชลยจำนวนมาก และช่วยกษัตริย์ให้รอดชีวิต 49เมื่อชาวเมืองเห็นว่าชาวยิวยึดเมืองไว้ได้ตามใจตน ก็หมดกำลังใจ ร้องตะโกนอ้อนวอนกษัตริย์ว่า 50”โปรดทรงสงบศึกกับข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด โปรดให้ชาวยิวเลิกโจมตีข้าพเจ้าและเมืองของข้าพเจ้าเถิด”
    51เขาทั้งหลายวางอาวุธและยอมจำนน ชาวยิวได้รับเกียรติอย่างสูงจากกษัตริย์และจากทุกคนในราชอาณาจักร แล้วจึงกลับไปกรุงเยรูซาเล็ม มีของเชลยจำนวนมาก
    52กษัตริย์เดเมตรีอัสจึงได้ครองราชย์ต่อไป และแผ่นดินในปกครองของพระองค์ก็มีความสงบสุข 53แต่พระองค์ทรงละเมิดสัญญาทุกประการ ทรงเปลี่ยนท่าทีต่อโยนาธาน ไม่ทรงตอบแทนความปรารถนาดีที่โยนาธานเคยแสดงต่อพระองค์ กลับทำให้โยนาธานต้องเดือดร้อนอย่างมากp

โยนาธานเข้าข้างอันทิโอคัสที่ 6 ต่อต้านเดเมตรีอัสที่ 2
    54หลังจากนั้น ตรีโฟกลับมาพร้อมกับอันทิโอคัสq ซึ่งแม้ยังทรงพระเยาว์ ก็ยังทรงได้รับแต่งตั้งเป็นกษัตริย์และทรงรับสวมมงกุฎ 55กำลังพลทั้งหมดที่กษัตริย์เดเมตรีอัสทรงเลิกจ้าง มาสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์อันทิโอคัสและสู้รบกับกษัตริย์เดเมตรีอัสจนเดเมตรีอัสทรงพ่ายแพ้และหนีไป 56ตรีโฟยึดช้างและยึดเมืองอันทิโอกได้ 57แล้วยุวกษัตริย์อันทิโอคัสก็มีพระราชสารไปถึงโยนาธาน ความว่า “ข้าพเจ้ารับรองตำแหน่งมหาสมณะของท่าน แต่งตั้งให้ท่านปกครองสี่จังหวัดr และนับว่าท่านเป็นพระสหายคนหนึ่งของกษัตริย์”
    58พระองค์ยังประทานถ้วยทองคำ และชุดรับประทานอาหารทำด้วยทองคำชุดหนึ่งแก่เขา ประทานสิทธิให้ดื่มจากถ้วยทองคำ สวมเสื้อคลุมสีม่วงแดง กลัดเข็มกลัดทองคำsได้ 59พระองค์ยังทรงแต่งตั้งซีโมน พี่ชายของโยนาธานเป็นผู้บังคับบัญชากองทัพ ในเขตแดนตั้งแต่ลาดเขาของเมืองไทระจนถึงชายแดนอียิปต์
    60โยนาธานเดินทางไปทั่วแคว้นฟากตะวันตกของแม่น้ำยูเฟรติสและเมืองต่างๆ กำลังพลทั้งหมดของซีเรียมารวมพลังเป็นพันธมิตรกับเขา เมื่อโยนาธานมาถึงเมืองอัชเคโลน ชาวเมืองต้อนรับเขาอย่างยิ่งใหญ่ 61แต่เมื่อเขาเดินทางจากที่นั่นไปถึงเมืองกาซาt ชาวเมืองกาซาปิดประตูเมืองไม่ต้อนรับเขา เขาจึงล้อมเมืองไว้ เผาและปล้นเมืองบริวาร 62ชาวเมืองกาซาจึงร้องขอความกรุณา โยนาธานยอมสงบศึกกับเขา นำบุตรชายของบรรดาหัวหน้าเป็นตัวประกันไปกรุงเยรูซาเล็ม ต่อจากนั้นเขาเดินทางไปทั่วเขตแดนจนถึงเมืองดามัสกัส
    63โยนาธานได้ยินว่าบรรดาแม่ทัพของกษัตริย์เดเมตรีอัสยกทัพใหญ่มาอยู่ใกล้เมืองคาเดชu ในแคว้นกาลิลี เพื่อปลดเขาออกจากตำแหน่ง 64เขาจึงยกทัพไปเผชิญหน้า ทิ้งซีโมนพี่ชายไว้ในเขตแดน 65ซีโมนตั้งค่ายใกล้เมืองเบธซูร์ เข้าโจมตีเมืองอยู่เป็นเวลาหลายวัน และปิดล้อมชาวเมืองไว้ 66เมื่อชาวเมืองขอสงบศึก ซีโมนก็ยอม แต่ขับไล่ชาวเมืองออกจากเมือง ยึดเมืองไว้และตั้งกองทหารไว้ที่นั่นv
    67ในระหว่างนั้น โยนาธานยกกองทัพมาตั้งค่ายอยู่ใกล้ทะเลสาบเยนเนซาเรท 68และขึ้นไปถึงที่ราบเมืองฮาโซร์wตั้งแต่เช้าตรู่ 68เขาเห็นกองทัพของชนต่างชาติอยู่เบื้องหน้าเขาในที่ราบ กองทัพนี้เข้าโจมตีเขาในที่โล่ง ก่อนหน้านี้ข้าศึกซุ่มโจมตีอยู่บนภูเขา 69แล้วกรูกันออกจากที่ซ่อนมาสมทบในการรบ 70ทหารทุกคนของโยนาธานหนีไป เหลือแต่ผู้บัญชาการกองทัพสองคน คือมัทธาธิอัส บุตรของอับซาโลม และยูดาส บุตรของคัลฟี 71โยนาธานฉีกเสื้อผ้าด้วยความผิดหวัง โปรยฝุ่นดินบนศีรษะ และอธิษฐานภาวนา 72แล้วจึงกลับไปต่อสู้อีก จนข้าศึกพ่ายแพ้และหนีไป 73ทหารของโยนาธานที่กำลังหนี เมื่อเห็นดังนี้ก็กลับมารวมกำลังกับโยนาธาน ช่วยไล่ตามข้าศึกไปจนถึงค่ายของเขาที่เมืองคาเดช แล้วตั้งค่ายอยู่ที่นั่น 74ทหารต่างชาติเสียชีวิตในวันนั้นประมาณสามพันคน แล้วโยนาธานก็กลับไปกรุงเยรูซาเล็ม

โยนาธานรื้อฟื้นสัญญากับชาวโรมัน และทำสัญญากับชาวสปาร์ตา
 12 1เมื่อโยนาธานเห็นว่าโอกาสอำนวย ก็เลือกบางคนส่งไปกรุงโรม เพื่อรับรองและรื้อฟื้นมิตรภาพกับชาวโรมันa 2เขายังส่งจดหมายไปถึงชาวสปาร์ตาและเมืองอื่นๆในเรื่องเดียวกันด้วย
3เมื่อคณะทูตไปถึงกรุงโรมแล้ว ก็เข้าไปในวุฒิสภา กล่าวว่า “โยนาธานมหาสมณะและชนชาติยิวส่งพวกเรามารื้อฟื้นมิตรภาพและสัญญาระหว่างท่านกับเรา ดังที่เคยมีแต่ก่อน” 4วุฒิสภาให้จดหมายรับรองเขาถึงผู้มีอำนาจปกครองในที่ต่างๆ ขอร้องให้ช่วยดูแลคณะทูตให้เดินทางกลับแผ่นดินยูดาห์อย่างปลอดภัย
5นี่เป็นข้อความในจดหมายที่โยนาธานเขียนไปถึงชาวสปาร์ตา
6”โยนาธานมหาสมณะ สภาผู้อาวุโสของชาติ บรรดาสมณะ และประชาชนชาวยิวทุกคน ขอส่งความสุขมายังพี่น้องชาวสปาร์ตา 7ในอดีต กษัตริย์อารีอัสb ผู้ปกครองท่านทั้งหลายได้ส่งจดหมายไปถึงโอนีอัสมหาสมณะ บอกว่าท่านเป็นพี่น้องของเรา ดังที่ปรากฏในสำเนาเอกสารที่แนบมาด้วยนี้ 8โอนีอัสได้ต้อนรับทูตอย่างมีเกียรติ และรับจดหมายที่อ้างถึงสัญญาและความเป็นมิตรอย่างชัดเจนไว้ 9แม้สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับเรา เพราะเรามีหนังสือศักดิ์สิทธิ์cที่ให้กำลังใจแก่เราอยู่ในมือ 10เราก็พยายามส่งทูตมาถึงท่านเพื่อรื้อฟื้นความเป็นพี่น้องและมิตรภาพระหว่างเรากับท่าน ให้เห็นว่าเรามิใช่คนอื่นไกลสำหรับท่าน เพราะเวลาล่วงเลยมานานแล้วตั้งแต่ท่านส่งทูตมาหาเรา 11เราระลึกถึงท่านอยู่เสมอในวันฉลองและวันอื่นๆที่กำหนด เมื่อถวายเครื่องบูชาและอธิษฐานภาวนา ดังที่เป็นการเหมาะสมและถูกต้องที่พี่น้องจะระลึกถึงกัน 12เราชื่นชมที่ท่านมีชื่อเสียง 13แต่พวกเรามีความทุกข์และสงครามรุมล้อมเรา กษัตริย์ที่อยู่โดยรอบก็โจมตีเรา 14แต่ในการสู้รบเหล่านี้ พวกเราไม่อยากรบกวนท่านหรือพันธมิตรอื่นๆของเรา รวมทั้งมิตรสหายของเราด้วย 15ความช่วยเหลือของพวกเรามาจากสวรรค์ พวกเราจึงพ้นจากศัตรู ขณะที่ศัตรูต้องพ่ายแพ้ 16เราจึงเลือกนูเมนีอัส บุตรของอันทิโอคัส และอันทีพาเทอร์ บุตรของยาโสน ให้ไปกรุงโรมเพื่อรื้อฟื้นมิตรภาพและสัญญาที่เราเคยมีต่อกัน 17เรายังกำชับให้เขามาเยี่ยมท่านเพื่อทักทายท่าน และมอบจดหมายกระชับความสัมพันธ์ฉันที่น้องระหว่างเรากับท่าน18เพราะฉะนั้น จะเป็นการดีถ้าท่านจะตอบเราในเรื่องนี้”
19ต่อไปนี้เป็นสำเนาของจดหมายที่โอนีอัสเคยได้รับ
20”อารีอัสd กษัตริย์ของชาวสปาร์ตา ขอส่งความสุขมาถึงโอนีอัส มหาสมณะ 21เราได้พบเอกสารที่กล่าวว่าชาวสปาร์ตากับชาวยิวเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองชาติสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมe 22เมื่อเรารู้เช่นนี้ ก็ขอให้ท่านเขียนมาบอกเราว่าท่านมีความสุขดี 23ส่วนเรา เราตอบท่านว่าฝูงสัตว์และสิ่งของของท่านเป็นของเรา ฝูงสัตว์และสิ่งของของเราก็เป็นของท่านด้วยf เราจึงจัดคณะทูตให้มาแจ้งเรื่องนี้ให้ท่านทราบ”

โยนาธานและสิโมนต้องทำสงครามอีก
    24โยนาธานรู้ว่าแม่ทัพของกษัตริย์เดเมตรีอัสยกทัพกลับมาโจมตีตน โดยมีกำลังมากกว่าแต่ก่อน 25เขาจึงออกจากกรุงเยรูซาเล็มไปเผชิญหน้าในเขตแดนฮามัท ไม่ให้โอกาสพวกนี้เข้ามาสู่ดินแดนของตน 26สายลับที่เขาส่งเข้าไปสืบในค่ายศัตรูกลับมารายงานว่าศัตรูเตรียมเข้าโจมตีชาวยิวในคืนนั้น 27เมื่อดวงอาทิตย์ตก โยนาธานจึงสั่งทหารของตนให้เฝ้าระวัง เตรียมอาวุธพร้อมที่จะต่อสู้ตลอดคืน ทั้งยังจัดทหารยามไว้รอบค่าย 28เมื่อศัตรูรู้ว่าโยนาธานและทหารเตรียมพร้อม ก็ตกใจกลัว หมดกำลังใจ จุดไฟไว้ในค่ายของตนและหนีไปg 29โยนาธานและทหารของตนเห็นแสงไฟ แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจนรุ่งเช้า 30โยนาธานจึงไล่ตามไปแต่ไม่ทัน เพราะศัตรูข้ามแม่น้ำเอลูเทรัสhไปแล้ว 31โยนาธานจึงเปลี่ยนทิศทางมาโจมตีชาวอาหรับกลุ่มหนึ่งที่เรียกกันว่า “ชาวศาบาเดียน”iจนได้ชัยชนะแล้วยึดของเชลย 32ต่อมาจึงรื้อค่าย แล้วเดินทัพไปถึงเมืองดามัสกัส ผ่านทั่วดินแดนนั้น
    33ซีโมนก็ยกทัพด้วย ออกเดินทางไปถึงเมืองอัชเคโลนและป้อมปราการใกล้ๆ แล้วเปลี่ยนทิศทางไปยึดเมืองยัฟฟา 34เพราะได้ยินข่าวว่าชาวเมืองจะยกป้อมปราการให้แก่ผู้ที่สนับสนุนกษัตริย์เดเมตรีอัส เขายังจัดกองทหารไว้ที่นั่นเพื่อเฝ้าเมืองj
    

โยนาธานเสริมกำลังกรุงเยรูซาเล็ม
35เมื่อโยนาธานกลับมาแล้ว เขาเรียกประชุมบรรดาผู้อาวุโสของประชากร ตกลงกันจะสร้างป้อมปราการในแคว้นยูเดีย 36เสริมกำแพงกรุงเยรูซาเล็มให้สูงขึ้น และจะสร้างเครื่องกีดขวางสูงไว้ระหว่างปัอมอาคราk กับเมือง จะได้แยกป้อมออกจากตัวเมือง พวกทหารจะได้ไม่มาค้าขายกับชาวเมือง 37ทุกคนช่วยกันบูรณะเมือง เพราะกำแพงทางด้านตะวันออกเหนือหุบเขาพังลงมา ย่านที่เรียกว่า“คาเฟนาธา”lก็ได้รับการซ่อมแซมด้วย 38ส่วนซีโมนก็บูรณะเมืองอะดิดาm ในลาดเขาเชเฟลาห์ สร้างป้อมปราการและประตูใหญ่ใส่ดาล

โยนาธานถูกจับเป็นเชลย
    39ตรีโฟพยายามตั้งตนเป็นกษัตริย์แห่งอาเซีย เขาพยายามแย่งมงกุฎและกำจัดกษัตริย์อันทิโอคัส 40แต่ก็เกรงว่าโยนาธานจะไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้น และจะกลับมาสู้รบอีก เขาจึงออกเดินทางไปถึงเมืองเบธ-ชานเพื่อหาทางจับโยนาธานฆ่า 41โยนาธานและทหารชำนาญศึกสี่หมื่นคนเดินทัพไปพบเขาที่เมืองเบธ-ชาน 42เมื่อตรีโฟเห็นว่าโยนาธานยกทัพใหญ่มาก็ไม่กล้าทำรุนแรง 43เขากลับต้อนรับโยนาธานอย่างมีเกียรติ แนะนำให้รู้จักกับบรรดามิตรสหายและกำลังพล และให้ของขวัญแก่โยนาธาน เขาสั่งมิตรสหายและกำลังพลให้เชื่อฟังโยนาธานเหมือนที่เชื่อฟังตน 44เขาพูดกับโยนาธานว่า “ทำไมท่านจึงรบกวนผู้คนเหล่านี้ให้ต้องลำบากด้วยเล่า ในเมื่อเราไม่ได้สู้รบกันเลย 45จงปล่อยทหารกลับบ้าน เลือกทหารไว้เพียงบางคนที่จะพาท่านและข้าพเจ้าไปยังเมืองโทเลมาอิสเถิด ข้าพเจ้าจะให้เมืองนี้ ป้อมปราการอื่นๆ กำลังพลที่เหลือ และข้าราชการnทั้งหมดแก่ท่าน แล้วข้าพเจ้าก็จะเดินทางกลับ ข้าพเจ้ามาที่นี่ก็เพราะเหตุนี้แหละ”
    46โยนาธานเชื่อและทำตามที่ตรีโฟแนะนำ ปล่อยให้กำลังพลกลับไปแผ่นดินยูดาห์ 47เขาเหลือทหารไว้กับตนเพียงสามพันคน ในจำนวนนี้ เขาให้ทหารสองพันคนอยู่ในแคว้นกาลิลี ส่วนอีกหนึ่งพันคนไปกับเขา 48เมื่อโยนาธานเข้าเมืองโทเลมาอิส ชาวเมืองก็ปิดประตู แล้วจับตัวเขาไว้ ใช้ดาบฟันทหารที่มากับเขาตายทั้งหมด
    49ตรีโฟส่งทหารราบกับทหารม้าไปยังแคว้นกาลิลีและที่ราบกว้างใหญ่ เพื่อทำลายทหารของโยนาธานทั้งหมด 50เมื่อทหารของโยนาธานรู้ว่าเขาถูกจับเป็นเชลย และคิดว่าเขาถูกฆ่าพร้อมกับทหารที่ไปด้วย ก็ให้กำลังใจกัน เดินหน้าไปเป็นขบวนพร้อมที่จะต่อสู้ 51เมื่อผู้ที่ไล่ตามเห็นว่าคนเหล่านี้เตรียมต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็หันกลับ 52ดังนั้น ทหารทั้งหมดของโยนาธานก็กลับไปยังแผ่นดินยูดาห์อย่างปลอดภัย ไว้ทุกข์ให้โยนาธานและพวกทหารที่อยู่กับเขา และหวาดกลัวอย่างยิ่ง ชาวอิสราเอลทั้งปวงร่วมไว้ทุกข์ให้เขาอย่างมาก
    53ชนชาติทั้งหลายที่อยู่โดยรอบพยายามจะทำลายล้างชาวอิสราเอล พูดว่า “บัดนี้ ชาวอิสราเอลไม่มีหัวหน้าที่จะช่วยเขาแล้ว เราจงทำสงครามกับเขา ลบล้างเขาให้สูญไปจากความทรงจำของคนทั้งหลายเถิด”